สังคมข่าวหุ้น
*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์บวก 11.48 จุด ปิดที่ 1,552.36 จุด แม้จะบวกขึ้นมาได้ค่อนข้างร้อนแรง แต่มูลค่าการซื้อขายเพียง 69,687 ล้านบาท ดูจะเบาเบาไปนิด เพราะค่าเฉลี่ยมูลค่าเทรดในช่วงไตรมาส 2/64 อยู่ที่ประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน เข้าใจว่ารายย่อยที่มีสัดส่วนการเทรดมากสุด น่าจะ wait and see หรือไม่ก็ยังพักกันอยู่บนดอยบริเวณ 1,600 จุด กันอยู่
*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์บวก 11.48 จุด ปิดที่ 1,552.36 จุด แม้จะบวกขึ้นมาได้ค่อนข้างร้อนแรง แต่มูลค่าการซื้อขายเพียง 69,687 ล้านบาท ดูจะเบาเบาไปนิด เพราะค่าเฉลี่ยมูลค่าเทรดในช่วงไตรมาส 2/64 อยู่ที่ประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน เข้าใจว่ารายย่อยที่มีสัดส่วนการเทรดมากสุด น่าจะ wait and see หรือไม่ก็ยังพักกันอยู่บนดอยบริเวณ 1,600 จุด กันอยู่
*กลุ่มธนาคารพาณิชย์ราคาหุ้นเริ่มดีดกลับ นำโดยแบงก์ใหญ่ SCB BBL KBANK และ KTB หลังโชว์กำไรไตรมาสสองมากกว่าที่นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์กันไว้ ตั้งสำรองลดลง เงินกองทุนสูงขึ้น หนี้เสียไม่ได้เร่งตัวมาก ประกอบกับราคาเกิด เทคนิเคิลรีบาวด์ หลังปรับลงมาต่อเนื่อง แต่ในมุมของนักวิเคราะห์มองว่า หุ้นแบงก์ยังมีความเสี่ยงการเกิด Downside จากมาตรการล็อกดาวน์ล่าสุด คือ ไม่รู้ว่าจะทำให้เกิดหนี้เสียเพิ่มขึ้นในระบบมากน้อยแค่ไหน แล้วจะต้องตั้งสำรองเพิ่มกันอีกเท่าไหร่
*บัตรกรุงไทย KTC ของคุณหมอระเฑียร ศรีมงคล ราคาหุ้นเหมือนพายเรือวนในอ่าง ไม่ไปไหน จะลงก็ไม่ลง จะขึ้นก็ไม่ขึ้น อยู่ราว ๆ 65.00 บาท บวก/ลบ สลับกันไปแต่ละวัน แม้ว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2564 จะออกมาสวยงาม กำไรว่า 1.6-1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 45% จากไตรมาส 2/2563 ส่วนประเด็นที่กดดันอยู่น่าจะเป็นเรื่องที่ แบงก์ชาติจะบ้าจี้ตามข้อเสนอของนายกฯ ลดดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลลงมาหรือเปล่า ทำให้ระหว่างที่รอความชัดเจน หุ้นก็จะนิ่ง ๆ ไปแบบนี้แหละ
*OR บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก รับผลกระทบจากล็อกดาวน์เต็ม ๆ คนเดินทางกันน้อยลง ทำให้ยอดขายปลีกน้ำมัน น่าจะหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ส่วนกาแฟน่าจะมียอดขายลดลง หรือเติบโตแบบชะลอตัวด้วย ราคาหุ้นก็เลยอ่อนตัวมาอยู่บริเวณ 28.50 บาท หากไม่มีปัจจัยลบเข้ามาเพิ่มเติม ราคาหุ้นอาจจะอยู่ประมาณนี้ จนกว่ากำไรไตรมาสสองจะออกมานั่นแหล่ะ รวมถึงมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ หรือไม่ก็ทาง OR มีโปรเจกต์ใหม่ ๆ มูลค่าลงทุนนับพันล้านบาท
*เงินติดล้อ TIDLOR ราคาหุ้นวนเวียนบริเวณ 40.00 บาท บวก/ลบ เมื่อวานนี้หลุด 40.00 บาท ลงไปต่ำสุด 39.50 บาท ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาได้ยืนเหนือแนวรับ 40.00 บาทพอดี แม้แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2564 จะออกมาสวยงาม กำไรเกือบ 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200% แต่เรื่องดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลที่ยังไม่มีความชัดเจน ยังคอยตามกดดัน รวมถึงนักลงทุนจับตาว่าจะมีหนี้เสียเพิ่มจากมาตรการล็อกดาวน์ล่าสุดด้วยหรือเปล่า หากย้อนกลับไปดูตัวเลขเงินกองทุน และ Coverage ratio จะพบว่า ของเงินติดล้อ มีตัวเลขสูงสุดในระบบ จึงไม่น่าจะมีปัญหาตั้งสำรองเพิ่มแน่ ๆ
*นักลงทุนต่างบ่นเหนื่อยกับการลงทุนในหุ้น TTB หรือ ทหารไทยธนชาต เพราะราคาหุ้นนับวันสะละวันเตี้ยลง เตี้ยลง ล่าสุดวันก่อนหน้านี้ ปิดหลุด 1.00 บาท ลงมากองที่ 0.99 บาท ก่อนจะดีดกลับขึ้นมายืน 1.00 บาท พอดี เมื่อวานนี้ นี่ขนาดธนาคารผ่านการปรับโครงสร้าง ควบรวมกับแบงก์ธนชาต มาแล้วนะ แต่ราคาหุ้นยังออกทะเล ลอยคอไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จะหาฝั่งเจอได้ตอนไหน
*CPF บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร กับรางวัล “หุ้นหวีทองคำ” เพราะราคาหุ้นจะขึ้นลงเป็น “แปรงหวีผม” ขยับทีละช่องขึ้น/ลง เหมือนหวีมาแบบนี้ ทั้งที่ผลประกอบการดีทุกไตรมาส นักลงทุนรายย่อยก็เข้ามาลงทุนกันเยอะ กองทุนยังถือแน่น ราคาเป้าหมายของโบรกฯ ต่าง ๆ สูงสุด 45.00 บาท ต่ำสุด 28.50 บาท และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 28.50 บาท ใครเข้ามาซื้อ หรือถืออยู่ แล้วหวังเรื่องส่วนต่างราคาหุ้น ต้องทำใจ แต่หากหวังเรื่องเงินปันผล ก็พอได้ เพราะยีลด์น่าสนใจ หรือเกือบ 4% ต่อปี
*บมจ.เอเอ็มอาร์ เอเซีย (AMR) มีกระแสตอบรับโรดโชว์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ดีมาก ๆ มีจุดเด่นเป็นหุ้นเทคโนโลยีผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมออกแบบและเชื่อมต่อระบบไอทีโซลูชั่น อยู่เบื้องหลังความสำเร็จการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนขนาดใหญ่ ปัจจุบันมี Backlog ในมือ 1,451.2 ล้านบาท และเตรียมเข้าซื้อขายใน SET วันแรก 2 ส.ค.นี้ พร้อมลุยพัฒนาระบบ Feeder Line และ EV Charging Station รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และเมืองอัจฉริยะ