3 ตัวแปร..ฉุดลง 1,500

* ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ถึงกับนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน (เดี๊ยนไม่ได้อยู่กับผู้) มีอยู่ด้วยกัน  3 เรื่องด้วยกัน ไล่เรียงตั้งแต่เรื่องแนวรับทางจิตวิทยาบริเวณ 1,500 จุด ต่อเนื่องถึงเรื่องแรงขายฝรั่งที่เข้ามาในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อ  และเรื่องสุดท้ายเป็นความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนขนาดไหน? ซึ่งเป็นตัวแปรที่ “ชี้เป็น” และ “ชี้ตาย” ตลาดหุ้นไทยในช่วงต่อจากนี้นะจ๊ะ


* ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ถึงกับนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน (เดี๊ยนไม่ได้อยู่กับผู้) มีอยู่ด้วยกัน 3 เรื่องด้วยกัน ไล่เรียงตั้งแต่เรื่องแนวรับทางจิตวิทยาบริเวณ 1,500 จุด ต่อเนื่องถึงเรื่องแรงขายฝรั่งที่เข้ามาในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อ และเรื่องสุดท้ายเป็นความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนขนาดไหน ? ซึ่งเป็นตัวแปรที่ “ชี้เป็น” และ “ชี้ตาย” ตลาดหุ้นไทยในช่วงต่อจากนี้นะจ๊ะ

* สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เดี๊ยนต้องรีบคลี่กี่เพ้า..อุ๊ย..คลี่ปมร้อน เพื่อช่วยเปิดมุมมองให้กับแฟนคลับแบบทะลุปรุโปร่ง หลังดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,537.63 จุด ลบไป 7.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.02 หมื่นล้านบาท และส่อแววจะหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,530 จุดแบบนี้ .. มันเป็นจังหวะที่ต้องถอยกรูดอย่างเดียว แถมมองในเชิงเทคนิคที่ว่าด้วยเรื่อง “ภูเขาสามลูกต่ำลง” ก็เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า มันคือเวลาปรับฐานใหญ่ที่บริเวณนี้จริง ๆ นะคะ

* ประกอบกับท่าทีของฝรั่งหัวทองยังขายหุ้นไทยไม่หยุดสักที! จึงมีผู้รู้อธิบายการขายเที่ยวนี้ตั้งอยู่บนผลตอบแทนของตลาดหุ้นเป็นหลัก และดูเหมือนว่า ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยจะไม่ปังเหมือนเมื่อก่อน..เลยโดนเทกระจาย ซึ่งเป็นช็อตที่ต้องดูกันต่อไปเรื่อย ๆ ว่า การขายเที่ยวนี้จะยาวนานแค่ไหน ? เพราะข้อมูลในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พวกหัวทองขายหุ้นไทยสะบั้นหั่นแหลกเลยเจ้าค่ะ

* งานนี้ต้องให้แฟนคลับประเมินสถานการณ์ว่า ทุกอย่างเหมือนที่เชื่อไหม ? เพราะเรื่องนี้จะเป็นตัวชี้ขาดการเคาะขวารัว ๆ ควรทำในทันทีหรือเปล่า และประเด็นทั้งหมดที่เอ่ยมานั้น “โมนิก้า” ถือเป็นการบ้านที่นักเล่นควรไปคิดอีกทีหนึ่ง หลังข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นรายวันเปลี่ยนเร็วมากเหลือเกิน จึงต้องมองแต่ละเรื่องอย่างมีแบบแผน ไม่เช่นนั้นจะโดนพวกฝรั่งหัว..ฟันหัวแบะนะจะบอกให้

* ทั้งนี้ “โมนิก้า” จึงเฟ้นหาหุ้นรายตัวที่ยังเคาะขวาได้อยู่ อย่าง SCGP ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 64.75 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.57% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,208.71 ล้านบาท ขานรับครึ่งปีแรกโชว์กำไร 4,398.10 ล้านบาท มิหนำซ้ำตอบรับหลังขยายปีกลุยต่อยอดธุรกิจต่อเนื่อง ล่าสุดจ่อปิดดีล “M&P” 2 แห่ง อินโดนีเซียและสเปน หลังรับดีล “Duy Tan” สำเร็จผ่านฉลุยมาเสริมแกร่งกำไรปี 2565 คาดแตะ 1 หมื่นลบ. เลยเจ้าค่ะ

* เช่นเดียวกับรายของ COTTO ราคาหุ้นกระโจนขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.90 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 9.85% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 642.63 ล้านบาท หลังทำเซอร์ไพรส์ปูทางด้วยสตอรี่ตัวเลขกำไรไตรมาส 2/2564 เติบโตขึ้นกว่า 3 เท่าตัว ฉะนั้น “โมนิก้า” ก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรยืดยาวให้เจ็บคอ เพราะเห็น ๆ ๆ ๆ กันทนโท่อยู่แล้วว่า พื้นฐานปังขนาดไหน เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจที่จะมีนักเล่นโผเก็บเข้าพอร์ตเจ้าค่ะ

* เหมือนกับหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ตัวจี๊ดอย่าง NEX ที่ราคาทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงมาปิดที่ระดับ 9.95 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 5.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 188.32 ล้านบาท ด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าผลงานจะเริ่ม “เทิร์นอะราวด์ ซึ่ง “โมนิก้า” ดูแล้วก็ไม่น่ามีอะไรพลิกโผ เพราะจากทยอยส่งมอบรถเมล์ EV นั้นก็สามารถช่วยผลักดันให้กำไรช่วงครึ่งปีหลังเติบโตได้แบบชิล ๆ งานนี้โอกาสราคาหุ้นจะวิ่งเข้าหาเป้า 12 บาท คงไม่ไกลเกินเอื้อมเจ้าค่ะ

* ส่วนกรณีหุ้นข้าวโพดหวาน APURE ช่วงนี้ราคาแรลลี่ยาว!! จนทะยานมาปิดที่ระดับ 8.15 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 9.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 687.34 ล้านบาท แถมทำนิวไฮรอบ 25 ปี “โมนิก้า” เลยต้องรีบไปดูสิว่าเหตุอะไร พบว่ามีการประเมินไตรมาส 2/2564 จะโตทะลักเกินเท่าตัว รับออเดอร์สินค้าพุ่ง บวกด้วยค่าเงินบาทอ่อนหนุน เดี้ยนจึงไม่แปลกใจราคาหุ้นวิ่งระเบิดระเบ้อ เชื่อว่ายังคงไปทดสอบเป้า 8.50 บาท ให้ได้เห็นอยู่นะคะ

* ปิดท้าย JWD ยิ้มแป้นบวกลากยาว 4 วันทำการ ล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ระดับ 16.30 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 3.16% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 513.78 ล้านบาท ผลบุญซื้อหุ้น “สมายซัน” มาช่วยเสริมบารมี ไม่ว่าจะเป็นในด้านขนส่งหรือคลังสินค้า “โมนิก้า” ถือว่าได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเลยนะเออออ เพราะตัวนางก็ขึ้นชื่อด้านขนส่งและซัพพลายเชนแบบครบวงจรภายในภูมิภาคอาเซียนนะจ๊ะ ส่วนผลลัพธ์ก็ดูกันไปเรื่อย ๆ นะคะจุ๊ ๆ ๆ

Back to top button