จากแบงก์..ถึงไฟแนนซ์..จบที่อสังหาฯ

* วันนี้เดี๊ยนขอบอกตามตรงว่า ไม่มีทางที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวท่ามกลางโควิดยังระบาดหนัก และการฉีดวัคซีนก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายที่คุยโม้ไว้ จนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันใกล้แตะระดับสองหมื่นคน และจำนวนคนตายยังยืนอยู่ในหลักร้อยแบบนี้ ย่อมเป็นแรงกดดันที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในลักษณะไซด์เวย์ดาวน์ไปอีกอย่างน้อยหนึ่งไตรมาสนะจะบอกให้


* วันนี้เดี๊ยนขอบอกตามตรงว่า ไม่มีทางที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวท่ามกลางโควิดยังระบาดหนัก และการฉีดวัคซีนก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายที่คุยโม้ไว้ จนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันใกล้แตะระดับสองหมื่นคน และจำนวนคนตายยังยืนอยู่ในหลักร้อยแบบนี้ ย่อมเป็นแรงกดดันที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในลักษณะไซด์เวย์ดาวน์ไปอีกอย่างน้อยหนึ่งไตรมาสนะจะบอกให้

* ฉะนั้นการที่ดัชนีทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,521.92 จุด ลบไป 15.86 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.77 หมื่นล้านบาท จึงเป็นการย้ำหัวหมุดให้ทุกคนรู้ว่า ตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญกับแรงขายที่จะมีออกมาเป็นระลอก และแรงขายจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามอิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองความจริงที่เกิดขึ้นกระทบหุ้นกลุ่มไหนหนักสุด และจะลุกลามไปถึงหุ้นกลุ่มไหนบ้างเจ้าค่ะ

* โดยหลัก ๆ ที่เห็น ณ เวลานี้คงหนีไม่พ้นหุ้นกลุ่มแบงก์ ถัดมาคงเป็นหุ้นไฟแนนซ์ และจะจบลงตรงหุ้นอสังหาฯ  เพราะเป็นกลุ่มหุ้นที่ขึ้นตรงกับกำลังซื้อของคนในประเทศ “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่แต่ละสัปดาห์ดัชนีค่อย ๆ หลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาลงต่อเนื่อง และยังเห็นภาพของหุ้นรายตัวไม่สามารถประคองตัวเหนือแนวรับเดิมได้ และส่อแววจะไหลลงไปยังแนวรับที่ลึกกว่าเดิมแบบนี้..โกยเถอะโยม!..อิอิอิ

* เรื่องนี้เห็นได้จากอาการของแบงก์ตราดอกบัว BBL ซึ่งอยู่ในลักษณะสาละวันเตี้ยลงเป็นเวลานานถึง 3 เดือน จนล่าสุดยืนปิดเสมอตัวที่ 102.50 บาท  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.06 พันล้านบาท กลายเป็นโมเมนต์ที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นจะลงไปพักตัวแถว 90 บาทอีกครั้ง เพราะฝรั่งก็ไม่เล่น กองทุนก็ไม่เอา ส่วนแมงเม่าก็กระโดดหนี..แถมไตรมาส 3 หนี้เสียส่อปูดโปนขึ้นมาอีกแบบนี้..ไม่ไหวจะเคลียร์นะคะ

* หุ้นแบงก์อีกรายที่อยู่ในข่ายทรุดฮวบ ต่อจากนั้นแกว่งตัวออกด้านข้างเป็นสัปดาห์ ต่อจากนี้ก็วนลูปแบบนี้มาเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ย่อมมองไปที่หุ้น TTB เพื่อชี้ให้ทุกคนประเมินความเป็นไปได้ที่หุ้นจะกลับไปยืนที่แนวรับ 0.80 บาทมีมากขนาดไหน? หลังหุ้นแกว่งตัวไปมาที่บริเวณ 0.98 บาทเป็นเวลาร่วมสัปดาห์ รวมทั้งการลงมาปิดที่ระดับ  0.97 บาท ลบไป  0.01 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 483 ล้านบาท สื่อความในใจอะไรให้เม่าอย่างเรารู้บ้างไหมเอ่ย!

* ขนาดหุ้นตัวเก๋าที่ขยันโปรยยาหอมให้แฟนคลับอย่าง BAM ยังโดนซัดซ้ายยาว ๆ จนหมุนเคว้งไม่เป็นท่า จนล่าสุดลงมายืนปิดที่ 16.50 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 2.40 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 279 ล้านบาท พร้อมกับทำนิวโลว์ในรอบ 1 ปี 4 เดือน เหมือนเป็นภาพสะท้อนที่ชี้ชัดลงไปว่า หมดยุคเฟื่องฟูของหุ้นตัวนี้อย่างเป็นทางการ รวมทั้งการเทรดบนค่า PE 40 เท่า ก็เป็นระดับที่โอเว่อร์สำหรับหุ้นที่ไม่มีโกรทนะจ๊ะ

* คล้ายกับกรณีของ TILOR อย่างไร..อย่างนั้น เพราะการลงมายืนปิดที่ระดับ 39 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 354 ล้านบาท กลายเป็นการทรุดตัวลงมาใกล้กับ all time low ครั้งก่อน ซึ่งทำไว้ที่ระดับ 38.25 บาท ย่อมเป็นเรื่องที่สร้างความหนักใจให้กับคนที่คิดจะเข้าไปช้อนหุ้นอย่างแน่นอน เพราะเมื่อดูค่า PE 38 เท่าเป็นตัวแปรหลักสำหรับการเคาะขวา มันทำให้หุ้นตัวนี้ตกรอบแรกของการคัดตัวในทันทีน่ะสิ

* ส่วนรายที่โดนเล่นก่อนทุกครั้งเมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจไม่เป็นใจ “โมนิก้า” คงชี้เป้าไปที่เจ้าพ่ออสังหาฯ อย่าง AWC แบบไม่ลังเลใจ เพราะในช่วงที่โควิดซาลง หุ้นตัวนี้เด้งก่อนใครอย่างชัดเจน แต่ทันทีที่โควิดมาใหม่อีกรอบ หุ้นตัวนี้ก็โดนถล่มก่อนอีกเช่นกัน จึงอยากให้ประเมินการลงมาปิดที่ 3.66 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 153 ล้านบาท โดยมีฐานเก่าช่วงที่เกิดโควิดรอบแรก และรอบสองใต้ 3 บาทแบบนี้.. คงรู้นะว่า ควรทำตัวอย่างไร?

* สุดท้ายนี้อยากบอกกับแฟนคลับทุกคนว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีหุ้นตัวอื่นที่ทำผลงานดี จึงอยากให้โฟกัสที่หุ้นรายตัวเหล่านั้นมากหน่อย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นโรงบาล หุ้นเครื่องมือแพทย์ หุ้นขนส่ง หรือหุ้นวางระบบไอที ล้วนอยู่ในทิศทางขาขึ้นทั้งนั้น ซึ่งสวนทางกับโควิดระบาดหนักแบบนี้ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า หากลงมาเยอะ ๆ ควรหาโอกาสเก็บหุ้นเข้าพอร์ตไว้บ้างนะตัวเอง

Back to top button