อำนาจไม่ใช่สมอง

กองเชียร์ประยุทธ์สุด (ส) ลิ่มยุให้รัฐบาลประกาศกฎอัยการศึกล็อกดาวน์โควิด ไม่ทราบคิดปราบม็อบหรือปราบไวรัส แต่ถ้าอยากปราบไวรัส พึงตระหนักว่า การล็อกดาวน์ที่มีประสิทฺธิภาพ (แบบที่ชอบอ้างจีน) ไม่ใช่แค่ใช้อำนาจบังคับคนอยู่บ้าน แต่ต้องพร้อมพรั่งทั้งดูแล ส่งเสบียงอาหาร ชดเชยรายได้ พักหนี้ทั้งต้นทั้งดอก ช่วยเหลือธุรกิจให้ไม่ต้องปิดตัวเอง ฯลฯ

จะอ้างจีนควรดูตัวอย่าง อู่ฮั่นพบคนติดเชื้อ 7 ราย ประกาศตรวจเชื้อพลเมืองทั้ง 12 ล้านคน ทำได้อย่างเขาไหม คนไทยยังต้องเข้าคิวยาวเหยียด จะซื้อชุดตรวจ ATK เองก็ 300-400 บาท

จีนอัดซิโนแวค ซิโนฟาร์มทั้งประเทศ แต่ยอมรับว่าประสิทธิภาพยังไม่พอ ไม่ยักเชื่อว่า 3 เข็มน้อง ๆ ไฟเซอร์ รีบตั้งโรงงานผลิต mRNA

ล็อกดาวน์วันนี้คงเอาไม่อยู่ แต่รัฐไทยทำได้แค่นี้ ไม่มีงบดูแลเยียวยา ไม่มีชุดตรวจมากพอ วัคซีนก็กะปริบกะปรอย การจัดสรรสะเปะสะปะ แก่งแย่งทางการเมือง ทำระบบสาธารณสุขล่ม กว่าจะกลับสู่ยุทธศาสตร์ฉีดคนแก่ คนมีโรคประจำตัวก่อน กว่าจะวางระบบ Home Isolation, Community Isolation ก็ล่าช้าไม่ทันการณ์

วันนี้จึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า บอกให้ประชาชนเอาชีวิตรอดเอง จนพ้น 2-3 เดือนที่จะฉีดวัคซีนได้มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่โควิดหายไป แค่ให้ป่วยหนักน้อยลง ระบบสาธารณสุขพอมีเครื่องช่วยหายใจ

การบริหารจัดการโควิดไม่ใช่แค่ใช้อำนาจบังคับประชาชน แต่ต้องเข้าใจสถานการณ์ ที่เปลี่ยนไปเร็ว เปลี่ยนทุกระยะ ต้องคาดการณ์ล่วงหน้า ออกมาตรการให้ทันการณ์ ระบบมีปัญหาตรงไหน ก็รีบแก้ไข

แต่ทุกวันนี้เป็นอย่างที่ อ.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธาน รพ.ธรรมศาสตร์ ถามว่า “ครม.ไปไหน ? บริหารประเทศกันโดย WfH และวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กันทุกวันอังคารบ่ายเหมือนที่เป็นมาทุก ๆ สัปดาห์อย่างนั้นหรือ”

มีใครบ้างไหม ที่จะใส่ชุด PPE ลงไปดูหน้างาน คุยกับแพทย์และพยาบาลในห้องฉุกเฉินว่าขาดอะไร ต้องการอะไร หรือจะต้องให้เขียนรายงานเสนอตามขั้นตอนในสัปดาห์หน้า เพื่อฝ่ายนโยบายจะได้ทราบเดือนหน้า และแก้ปัญหาในปีงบประมาณต่อไป

พูดเจ็บ แต่นี่แหละรัฐราชการไทย พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้บริหารประเทศแบบนี้นะ ถึงจะเป็นเผด็จการพรรคเดียว ผู้นำจีนทุกรุ่นโตจากการบริหารเขต เมือง มณฑล ไม่ได้โตจากกองทัพ รู้จักแต่ให้โอวาท ออกคำสั่งซ้ายหัน ขวาหัน จนคิดว่าการเป็นผู้นำคือออกคำสั่งแล้วได้ดังใจ

คนจำนวนมากจึงยังประทับใจผู้นำแบบทักษิณ รัฐราชการไทยต้องให้ CEO ที่กล้าตัดสินใจเฉียบขาดฉับไวลงไปเคี่ยวเข็ญ จึงจะเดินเครื่องได้

นี่ไงปัญหาของประยุทธ์ ที่คนเรียกร้องให้เปลี่ยนตัว “นายพลรบแพ้” อดีต ผบ.ทบ. แต่บริหารวิกฤตไม่เป็น

เสียงวิพากษ์วิจารณ์จึงร้อนแรงลุกลาม ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ฝ่ายค้าน หรือม็อบเสื้อแดงม็อบคนรุ่นใหม่ แต่ขยายไปกว้าง เช่น ประธาน รพ.ธรรมศาสตร์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ ซึ่งโดนตำรวจเตือน “โพสต์บิดเบือน”

การใช้ข้อกำหนด 29 ปิดปาก ใช้ คฝ.ปราบม็อบ ก็ปะทุความไม่พอใจมากขึ้น กระบอกเสียงรัฐบาลพยายามชี้เป้า “เสื้อแดง-ณัฐวุฒิ” “สามกีบ” ทั้งที่คนไม่พอใจรัฐบาลกว้างขวาง ทั้งแพทย์พยาบาล ธุรกิจย่อย ร้านอาหาร แรงงาน แท็กซี่ ฯลฯ

ยิ่งถูกด่า รัฐบาลยิ่งใช้อำนาจ ใช้กำลังสลายม็อบโดยไม่จำเป็น ทั้งที่ปล่อยให้ชุมนุมอีกชั่วโมงก็กลับ จะจับแกนนำ ออกหมายเรียกภายหลังได้ ก็ตะลุมบอนให้บานปลาย

อาการรัฐบาลช่วงนี้ คล้ายหลายรัฐบาลที่ล้มไปแล้ว อยู่ในช่วงเฮือกสุดท้าย ยิ่งตกต่ำยิ่งดันทุรัง ถ้าเป็นรัฐบาลปกติ นี่คือนับถอยหลัง แต่พอเป็นประยุทธ์ เป็นรัฐประหารสืบทอดอำนาจ กลับคาดเดาไม่ได้

คาดไม่ได้ว่า ประยุทธ์จะอยู่นานแค่ไหน สถานการณ์โควิด เศรษฐกิจ การเมือง จะแย่ลงเพียงไร