พาราสาวะถีอรชุน
เดินทางกลับจากการร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติรอบนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คงจะหน้าบานยิ้มไม่หุบ เพราะกระแสตอบรับดีเกินคาด แม้จะไม่สามารถสรุปได้ว่านั่นเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ อย่างที่รู้กัน ในวงการทูตเวทีสำคัญระดับยูเอ็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการหารือในระดับผู้นำสูงสุดของแต่ละประเทศ ต้องเป็นไปในท่วงทำนองถ้อยทีถ้อยอาศัย
เดินทางกลับจากการร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติรอบนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คงจะหน้าบานยิ้มไม่หุบ เพราะกระแสตอบรับดีเกินคาด แม้จะไม่สามารถสรุปได้ว่านั่นเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ อย่างที่รู้กัน ในวงการทูตเวทีสำคัญระดับยูเอ็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการหารือในระดับผู้นำสูงสุดของแต่ละประเทศ ต้องเป็นไปในท่วงทำนองถ้อยทีถ้อยอาศัย
จะไปหักด้ามพร้าด้วยเข่า รุกไล่ไม่ให้ผู้นำประเทศใดประเทศหนึ่งยืนอยู่บนเวทีได้อย่างสง่างามย่อมไม่ใช่วิสัย เช่นเดียวกันกับการพบปะและมีโอกาสสบตาระหว่างบิ๊กตู่กับ บารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐอเมริกา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรไมตรี แต่ตัวชี้วัดสุดท้ายคือหลังจากนี้ท่าทีของประเทศยักษ์ใหญ่ในโลกประชาธิปไตยทั้งหลายที่ไม่แฮปปี้กับประเทศที่มีการรัฐประหารจะยังคงยิ้มแย้มเหมือนอยู่บนเวทียูเอ็นหรือไม่
ไม่ได้จับผิดแค่ผิดสังเกตเท่านั้น เพราะก่อนหน้าที่ผู้นำไทยจะเดินทางไปร่วมการประชุม ดูเหมือนว่าจะเกิดข่าวในลักษณะไม่เอาด้วย ไม่ชื่นชอบประเทศไทยที่มีรัฐบาลจากการรัฐประหาร แต่เอาเข้าจริง สิ่งที่บิ๊กตู่ได้ไปยืนพูดอยู่บนเวทีทั้งเรื่องชวนเคลิบเคลิ้มอย่างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมไปถึงพันธสัญญาเรื่องการดูแลสิทธิมนุษยชน ผู้คนที่นั่นต่างยกย่องชมเชย
เมื่อผลตอบรับดี ที่คาดหวังก่อนต่อมาคือหลังการเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้วหัวหน้าคสช.น่าจะมีท่าทีที่เป็นมิตรและเลิกหงุดหงิดโมโหง่ายเหมือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงก่อนที่จะเดินทางไปร่วมประชุม แต่ถ้าจะให้เดาคงเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ สไตล์คนชอบเก๊ก มิหนำซ้ำ เที่ยวนี้ได้เสียงชื่นชม น่าจะมีปมให้นำมาด่าย้อนศรนักข่าวที่ผู้มีอำนาจมองว่าเอาแต่ตำหนิรัฐบาลมากกว่าชื่นชม
งานสำคัญของบิ๊กตู่หลังกลับสู่แผ่นดินเกิดวันนี้จะนั่งหัวโต๊ะประชุมครม.-คสช. เรื่องใหญ่หนีไม่พ้นเคาะรายชื่อ 21 กรธ.และ 200 รายชื่อสปท. เนื่องจากเดดไลน์ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญชั่วคราวบัญญัติไว้ทำให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันหลังจากสปช.ลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเกิดการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับดอกเตอร์ปื๊ดเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา
นั่นหมายความว่า ในวันนี้จะต้องมีข้อยุติเรื่องรายชื่อทั้งหมด เพราะประชุมกันวันจันทร์ที่ 5 กันยายนแล้วเลือกเลย คงดูจะไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ มันเหมือนเร่งรีบ รวบรัดไม่คัดกรองกันให้รอบคอบ แต่การประชุมตั้งแต่วันนี้มีเวลาถกเถียงกันแล้วไปประกาศเอาในวันจันทร์ ยังจะดูดีทำให้คนเชื่อได้ว่าเสนอชื่อกันแล้วหัวหน้าคสช.ยังมีเวลาอีกตั้ง 2 วันในการกลั่นกรอง
หัวใจสำคัญคงอยู่ที่ประธานกรธ. เมื่อวานบอกไปแล้วว่าตัวเลือกเหลือแค่ 2 รายไม่ มีชัย ฤชุพันธุ์ ก็ พลเอกจิระ โกมุทพงศ์ ถ้าจะให้สวยงามสมศักดิ์ศรีไม่ผิดคำพูดที่ไปลั่นวาจาไว้บนเวทีสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการเปิดกว้างรับฟังความเห็นต่าง คงต้องตั้งพลเรือนมากกว่าทหาร มิเช่นนั้น จะถูกมองได้ว่าคณะรัฐประหารรวบอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
แต่ก็อย่างว่า หากยังไม่แก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 มาตรา 35 จะยกร่างอย่างไรก็หลุดจากกรอบไม่เป็นประชาธิปไตยไปไม่ได้ ทุกอย่างถูกล็อกไว้เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของผู้มีอำนาจ ในฐานะเนติบริกรซึ่งหยั่งรู้ความรู้สึก เข้าใจกระแสของประชาชนส่วนใหญ่ คงต้องอาศัยจังหวะนี้ชงเรื่องให้สนช.ปรับแก้กันโดยด่วนโดยยกเอาประเด็นของทางออกหลังการทำประชามติถ้าไม่ผ่านความเห็นชอบจะทำอย่างไร มาเป็นประเด็นนำ
คำถามสำคัญอีกประการที่จะคู่ขนานไปกับการยกร่างรัฐธรรมนูญและการทำงานด้านปฏิรูปของสปท.คือ จะแก้ปัญหาเรื่องสองมาตรฐานอย่างไร ตัวอย่างง่ายๆ วันวาน พุทธะอิสระพาพวกไปบุกสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เรียกร้องให้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานของฮิวแมน ไรท์ วอทช์ เพื่อปลด สุณัย ผาสุก ออกจากการเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มสิทธิมนุษยชนดังกล่าวประจำประเทศไทย
ไม่ใช่เรื่องแปลกต่อท่าทีของคนห่มผ้าเหลืองที่พาตัวเองไปเกี่ยวข้องในทางการเมืองและแทบจะเรียกได้ว่า อาศัยสมณเพศไปกดดันเรียกร้องหน่วยงานต่างๆ ในประเทศไทยมานักต่อนัก ตามแต่กิเลสในแต่ละเรื่องจะชี้นำไป แต่ในกรณี สมบัติ บุญงามอนงค์ ออกมากระตุกเตือนว่าสงสัยจะไปผิดที่หรือเปล่าเพราะฮิวแมน ไรท์ วอทช์ เป็นองค์กรอิสระไม่ได้ขึ้นตรงกับรัฐบาลอเมริกา
การดำเนินการครั้งนี้ของกลุ่มพุทธะอิสระเป็นการดำเนินการบนความไม่รู้หรือไม่มีการศึกษาข้อมูลมาก่อน และเชื่อว่าสถานทูตสหรัฐฯก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ แต่ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือการตั้งปุจฉาว่า การชุมนุมครั้งนี้ของกลุ่มดังกล่าวเป็นการชุมนุมทางการเมืองหรือไม่ แล้วถ้าใช่ฝ่ายความมั่นคงของคสช.อยู่ไหน ทำไมไม่ดำเนินการใดๆ
บก.ลายจุดจึงถามย้ำกลับไปว่า เช่นนี้เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ เพราะอีกฝ่ายขอแค่แถลงข่าวทำเอกสารส่งเรื่องให้พิจารณาอย่างถูกต้องกลับไม่ได้รับการตอบสนอง แต่อีกฝ่ายทำได้ทุกอย่าง ถือเป็นการปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน เช่นนี้ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร นี่แหละคือความเป็นจริงที่ผู้มีอำนาจต้องตอบใจตัวเองให้ได้ว่าวันนี้ไร้อคติ ปราศจากความเกลียดชังต่อคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดแล้วหรือยัง
คดีระเบิดแยกราชประสงค์ พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แถลงปิดคดีพร้อมเปิดตูดเกษียณอายุราชการไปเรียบร้อย เห็นสีหน้าของ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.คนใหม่ในวันที่สวมกอดกับอดีตผบ.ตร. บอกได้คำเดียวว่าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ปมใหญ่ที่ทำให้คนสงสัยกันไปทั้งเมืองคือ “ไอ้อ๊อด” มีตัวตนจริงหรือไม่
เพราะย้อนไปดูประวัติคดีที่ถูกจับกุมมีทั้งดมกาว เสพยาบ้าและการพนัน มันขัดกับภาพความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดที่ถูกตั้งข้อหาโดยสิ้นเชิง จึงไม่แปลกที่จะมีเสียงเรียกร้องให้ผบ.ตร.และผู้ที่รับผิดชอบในคดีล่าตัวและนำตัวไอ้อ๊อดมาเปิดเผยโดยเร็ว เพราะหลายคนเกรงว่าจะเป็นเหมือนไอ้ปื๊ดในตำนาน ยิ่งนานวันยิ่งเป็นผลเสียต่อรูปคดี ส่วนคำสารภาพของ อาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาคนสำคัญกับปมยอมรับเป็นชาวอุยกูร์ ไม่รู้ว่าฝ่ายความมั่นคงรู้สึกรู้สากับเรื่องนี้มากน้อยขนาดไหน