รักนะ…จุ๊บ…จุ๊บ

ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่ง และนั่งในตำแหน่งซีอีโอของ บมจ.แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MAX แจ้งว่าขายหุ้นบิ๊กล็อต ในราคา 0.27 บาท ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ไม่ตั้งคำถามก็คงไม่ได้


แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

 

ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่ง และนั่งในตำแหน่งซีอีโอของ บมจ.แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MAX แจ้งว่าขายหุ้นบิ๊กล็อต ในราคา 0.27 บาท ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ไม่ตั้งคำถามก็คงไม่ได้

ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารบริษัทด้วย ขายหุ้นออกจากมือ มีสาเหตุหลายประการ 1) ขายให้ญาติพี่น้องหรือคนสนิท เพื่อหลบภาษีมรดก 2) ขายให้พันธมิตรใหม่เพื่อร่วมทุน 3) หาเงินใช้หนี้ที่กู้มาซื้อหุ้นเดิม 4) เอาไปใช้จ่ายส่วนตัว  5) ลดพอร์ตถือหุ้นเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กิจการ 6) ทิ้งกิจการก่อนคนอื่นเพราะรู้ว่าไปไม่รอด

กรณีของขจรศิษฐ์ ก็ไม่อยู่ในข้อยกเว้น เพราะไม่ได้ขายธรรมดา เพราะนับแต่ซื้อหุ้น MAX มาเมื่อกลางปี 2557 จำนวน 1.2 หมื่นล้านหุ้น  ในราคาต่ำแค่หุ้นละ 0.05 บาท (จากราคาพาร์ 1 บาท) กลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ด้วยคำอธิบายง่ายๆว่า “ได้ไปตีกอล์ฟกับคุณชำนิ   จันทร์ฉาย  ประธานกรรมการ MAX  ‘แล้ว’ เชื่อมั่นว่า สามารถนำประสบการณ์ต่างๆ ที่มีอยู่ มาช่วยพลิกฟื้นกิจการของMAX ได้”

การเทกโอเวอร์กิจการ MAX อื้อฉาวพอสมควร เพราะ MAX เป็นบริษัทที่ไม่มีสินทรัพย์อะไรเลย หลังจากซื้อกิจการต่อจากเจ้าของเดิมที่หมดสภาพการเงิน บริษัท อะโกร อินดัสเตรียล แมชชีนเนอรี จำกัด (มหาชน) หรือAMAC เจ้าของสินค้ารถไถเดินตาม “สิงห์คะนองนา

เดิมทีนั้น MAX โดยท่านประธานชำนิ สร้างสตอรี่สวยหรู ทำให้ราคาหุ้นหวือหวาว่า จะทำธุรกิจเหล็ก ต่อมาก็เปลี่ยนจะทำธุรกิจพลังงาน ท้ายสุดก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ทำเอานักลงทุนระดับแมงเม่าปีกหักร่วงระนาว จนราคาหุ้นดิ่งเหว ก่อนจะเพิ่มทุนอีกรอบ จนได้รายชื่อนักลงทุนที่เข้ามาถือหุ้นแบบพีพี. 3 ราย

3 รายนั้น นอกจากขจรศิษฐ์ที่เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 60.5% แล้ว ยังมี   นายอนุกูล บุญทิพย์ คิดเป็น 18.81% และ นายสุทธิพจน์ อริยสุทธิวงศ์ ถือหุ้น 2.52% โดยทุกคนซื้อหุ้นมาในราคา 0.05 บาททั้งสิ้น ในขณะที่ราคาพาร์อยู่ที่ 1 บาท

ทุกคนล้วนบอกว่าเข้ามาซื้อหุ้น MAX เพราะเชื่อมั่นในอนาคตระยะยาว ไม่เคยบอกว่าจะขายทิ้ง

ขจรศิษฐ์เข้ามาก็มีสตอรี่ใหม่ พยายามเอาบริษัทที่ตนเองถือหุ้นใหญ่อยู่ชื่อ บริษัท ไซมิส แอสเสทจำกัด (SA) เข้ามาเป็นสินทรัพย์ ตามสูตรอันคุ้นเคย“เอาเนื้อเต่า มาใส่เข้ากระดองเปล่า

ตอนนั้น ปูดข่าวว่า การเทกโอเวอร์ SA จะมีข้อดีสารพัด และมีกำไรทันที โดยมีกองทุน “ลึกลับ” (บอกใบ้ว่าเป็น private equity firm เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีกล็อตหนึ่งที่จะออกมา ในราคา 1.30 บาท

ข่าวอย่างนี้ ทำให้ราคาหุ้น MAX วิ่งกระฉูดจาก 0.16 สตางค์ก่อนการเพิ่มทุน และเมื่อเพิ่มทุนเสร็จอยู่ที่ระดับ 0.70 บาท ทะยานโลดแล่นขึ้นไปถึงจุดสูงสุดเป็น 1.18 บาทภายในเวลา 4 สัปดาห์ ก่อนที่จะถูก ก.ล.ต. เบรกหัวทิ่ม ว่าสตอรี่ดังกล่าว ไม่สมเหตุสมผล เพราะเข้าข่าย backdoor listing

ระหว่างนั้น นายอนุกูล บุญทิพย์ก็เทหุ้น MAX ทิ้งออกมาในตลาดพรวดเดียว 2 ล็อต รวมแล้ว 5.55% โดยล็อตแรก 270 ล้านหุ้น ขายเมื่อ 19 ส.ค. 2557 ราคาขายหุ้นละ 1.05 บาท และล็อตหลัง 1,100 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2557 ราคาขายหุ้นละ 1.10 บาท ฟันกำไรขายหุ้นไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท จากการขายหุ้น หลังจากถือมาไม่กี่เดือน

เมื่อถูก ก.ล.ต.เบรกหัวทิ่ม แผนสร้างสตอรี่ ไม่บรรลุเป้าหมาย ต้องยกเลิกการขายหุ้นเพิ่มทุนให้ “กองทุน” ที่ว่า อ้างว่าที่ปรึกษาการเงินที่หามา (หลังจากที่ถูกหลายรายปฏิเสธ) บริษัท แกรนท์ ธอนตัน เซอร์วิสเซส จำกัด บอกว่า SA ยังต้องปรับปรุงรายละเอียดของบริษัท และคุณสมบัติบางประการเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในการยื่นขอให้รับหลักทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่ (relisting)

เรื่องก็จบลงชั่วคราว พร้อมกับราคาหุ้น MAX ที่ร่วงลงมายาวนานระดับ 0.25 บาท เพราะไม่มีกำไรเพิ่งจะกลับมาคึกคักในไม่กี่วันก่อน ราคาหุ้นทะยานขึ้นมาเหนือ 0.30 บาท  ก่อนที่จะมีการแจ้งว่า ขจรศิษฐ์ ขายหุ้นอีกล็อตใหญ่ 600 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.03%  คงเหลือที่ถือในมืออีก 57.02% โดยขายในราคา 0.27 บาท  พร้อมกับรับรองว่าจะไม่ขายหุ้นออกมาอีก เป็นราคาต่ำกว่าราคาตลาดที่วันที่แจ้งราคาปิดที่ 0.35 บาท

ไม่เพียงเท่านั้น ขจรศิษฐ์ ยังยืนยันฟังชัดว่า จากนี้ไปจะไม่ขาย MAX อีกอย่างแน่นอน

ส่วนคนซื้อเป็นใคร ปิดปากเงียบ ไม่ยอมบอก

แหล่งข่าววงในระบุว่า การขายหุ้นดังกล่าว สอดรับกับการที่มีทีมงานผู้บริหารชุดใหม่จากค่ายธุรกิจภายนอก ตบเท้าเข้ามาทำงานใน MAX ตามแผนปรับโครงสร้างผู้บริหาร เพื่อฟื้นฟู MAX มาแข็งแกร่ง

สมประโยชน์ทุกฝ่าย ขจรศิษฐ์ก็ได้กำไรไปเหนาะๆ ประมาณ 130 ล้านบาท ส่วนคนซื้อก็ได้ราคาหุ้นต่ำกว่าตลาด จะขายเมื่อใดก็ได้ เพราะไม่ได้ติดไซเลนต์พีเรียด

ได้เจ้านายอย่างนี้ รักตายเลย

อย่าได้แปลกใจว่าเหตุใด เมื่อวานนี้ หุ้น MAX ถึงร่วงไปมากกว่า 10%

 

 

Back to top button