รอดยาก
ตลาดหุ้นไทยไปต่อยากอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโควิด ม๊อบและเศรษฐกิจหรือพฤติกรรมขายหุ้นเมื่อข่าวจริงปรากฏ
*แรงขายที่สาดออกมาไม่ยั้งในช่วงเปิดตลาดทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยคงไปต่อยากอย่างแน่นอน เพราะปัจจัยหลายอย่างไม่เอื้อให้ตลาดหุ้นไทยเดินหน้าอย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการระบาดของโควิด ม๊อบป่วนบ้านป่วนเมือง และเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมขายหุ้นเมื่อข่าวจริงปรากฏ ล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้เชื่อว่า การยืนหยัดเหนือระดับ 1,500 จุดไม่ใช่เรื่องง่ายนะจะบอกให้
*ยิ่งดัชนีมีการทดสอบแรงขายตรงเส้นแนวรับ 1,510 จุดเป็นครั้งที่ 3 ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น และดีสุดของการเล่นเที่ยวนี้คือ เด้งกลับขึ้นไปหายอดเก่าบริเวณ 1,550 จุด จึงไม่ควรคาดหวังอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว หลังดัชนียืนปิดได้ที่ระดับ 1,531.24 จุด บวกไป 2.92 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.71 หมื่นล้านบาท มันคือภาพเดิมๆ ที่เดี๊ยนเคยเม้าท์ให้ฟังเป็นประจำไงหล่ะค่ะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องดูกันต่อไปว่า ร้อยวันอันตรายที่หลายคนกังวลระบบในประเทศจะมีปัญหาหนักขึ้นนั้น..เอาเข้าจริงปัญหาจะร้ายแรงเหมือนที่ทุกคนเป็นกังวลจริงไหม? รวมทั้งห้วงเวลาดังกล่าวเหมาะสำหรับการเคาะสั้นๆ หรือเปล่า? ก็เป็นประเด็นที่ต้องติดตามดูกันเอาเองอีกเช่นกัน เพราะการขยับตัวของตลาดหุ้นไทยในช่วงหลังๆ ชอบฝืนธรรมชาติที่ควรจะเป็นบ่อยครั้งนะซี
*เหมือนกับเหตุการณ์ที่หุ้น CPALL บวกสวนทั้งที่เห็นกันทนโท่ว่า ได้รับผลกระทบจากโควิดเต็มๆ แต่ราคาหุ้นกลับยืนปิดที่ระดับ 58.25 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.46 พันล้านบาท มันเป็นภาพที่สวนทางกับความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง “โมนิก้า” เลยมองว่า หากหุ้นขึ้นต่อได้จริงๆ ก็คงไปได้ไม่เกิน 60 บาท เพราะที่ผ่านมาพยายามเกาะฐานตรงนี้เป็นหลักเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ AOT พยายามรักษาฐานแนวรับ 55 บาทอย่างเหนียวแน่น ขณะเดียวกันก็พยายามหาช่องถีบตัวขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิม แต่บรรยากาศไม่เป็นใจให้หุ้นไปต่อสวยๆ จึงยืนปิดได้แค่ระดับ 56.25 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.42 พันล้านบาทแบบนี้ เดี๊ยนขอบอกตามตรงว่า ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเลยสักอย่าง และต่อจากนี้จะมีแต่คำว่า “ทรง” กับ “ทรุด” พะยะค่ะ
*คล้ายกับกรณีของช่องน้อยสี BEC พยายามประโคมข่าวใหญ่โตเกี่ยวกับนักข่าวชื่อดัง สามารถช่วยเรียกเร็ตติ้งโฆษณาได้ดี แต่เอาเข้าจริงกลับปั้นกำไรได้ไม่มากเหมือนที่คาดหวัง จนเป็นเหตุให้โบรกเกอร์ปรับเป้าลงทันทีที่ประกาศงบ วานนี้เลยถูกขายทิ้งอย่างหนักหน่วงตั้งแต่เช้ายันเย็น จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 11 บาท ลบไป 2.10 บาท หรือลงไป 16% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 782 ล้านบาทอย่างรวดเร็วแบบนี้..มีโอกาสลงไปแตะ 9 บาทสูงนะจ๊ะ
*ส่วนรายที่ลงมารับข่าวเป็นที่เรียบร้อย และรอวันขึ้นอย่างแข็งแกร่ง “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น BANPU แบบไม่ลังเลใจ เพราะมองจากแผนงานที่ต้องการต่อยอด และกำลังอยู่ในช่วงปั้นกำไรอย่างแข็งแกร่ง ทุกคนย่อมเข้าใจเหตุผลที่ราคาหุ้นลงมาปิด 10 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 26% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.54 พันล้านบาทอย่างถ่องแท้ และรับรู้ถึงโอกาสในการทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตนะนายจ๋า!
*เช่นเดียวกับในรายของ RBF ลงมาปิดที่ระดับ 16.60 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 408 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปิดใกล้เส้นแนวรับ 200 วันที่บริเวณ 16 บาท ก็กลายเป็นจุดที่ “โมนิก้า” กล้าแนะนำให้แฟนคลับลุยหุ้นตัวนี้แบบไม่กระดากใจ ผนวกกับมีดีลขายกัญชงให้โอสถสภานำไปใส่ในสินค้าเครื่องดื่ม และเวชสำอางค์แบบนี้..มีอะไรต้องกลัวอีกไหมหล่ะค่ะ
*คล้ายกับกรณีของ XO ก็ปั๊มกำไรโตกว่าคาด และมีแนวโน้มปั๊มกำไรโตขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลังแบบนี้ “โมนิก้า” เลยกล้าฟันธงทันทีว่า ราคาปิดที่ระดับ 21.70 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 225 ล้นบาทเล่นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะออเดอร์ซอสยังไหลเข้ามาเรื่อยๆ จึงกลายเป็นหุ้นที่ได้ดีเพราะโควิดอย่างแท้ทรู! เลยไม่มีเหตุต้องกลัวนะจะบอกให้