ของดีแล้วถูก มีที่ไหน

รายใหญ่และกรรมการบริษัทจดทะเบียนหลายราย มีมุมมองตลาดหุ้นมีฐานะใกล้เคียงกับตู้เอทีเอ็มที่คิดจะได้เงินก็มากดเอาๆๆๆๆ โดยอ้างเหตุผลสารพัด สุดแต่ที่ปรึกษาการเงินจะเพียรคิดมาอ้างสนองกิเลสตัณหาของคนเหล่านี้ แต่ท้ายสุดก็ลงเอยด้วยสมปรารถนา


แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

 

รายใหญ่และกรรมการบริษัทจดทะเบียนหลายราย มีมุมมองตลาดหุ้นมีฐานะใกล้เคียงกับตู้เอทีเอ็มที่คิดจะได้เงินก็มากดเอาๆๆๆๆ โดยอ้างเหตุผลสารพัด สุดแต่ที่ปรึกษาการเงินจะเพียรคิดมาอ้างสนองกิเลสตัณหาของคนเหล่านี้ แต่ท้ายสุดก็ลงเอยด้วยสมปรารถนา

วิศวกรรมการเงินเรื่องเพิ่มทุนจึงมักจะถูกมองว่ามีให้รายใหญ่รวยขึ้น ในขณะที่มูลค่าของบริษัทลดลงไปเรื่อยๆ 

จริงหรือไม่จริง ต้องดูเป็นกรณีไป

มี 2 บริษัทจดทะเบียนช่วงนี้ที่เป็นข่าวใหญ่ เรื่องเพิ่มทุนจำนวนค่อนข้างเยอะ เพื่อขายพันธมิตรแบบเฉพาะเจาะจง 

บริษัทแรก EMC ฉายาบริษัทเสี่ยขุน หรือ ชนะชัย ลีนะบรรจง ถือหุ้นใหญ่สุด เป็นบริษัทก่อสร้าง ที่ยื้อแย่งกันมาเกือบ 10 ปีก่อนโด่งดังไปทั่ววงการ ก่อนจะเงียบสงบลง 

ล่าสุดเมื่อสิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ EMC  มีทุนจดทะเบียนพาร์ 1 บาท ที่ระดับ 4.2 พันล้านบาทมีส่วนผู้ถือหุ้น 1,778 พันล้านบาทมีหนี้สินรวม 1.01 พันล้านบาท ไม่ได้ฝืดเคืองมากมายอะไร ไม่ถือว่าเสียหายอะไร ไม่เข้าข่ายชักหน้าไม่ถึงหลัง

ที่ผ่านมา EMC ทำธุรกิจก่อสร้างก็พอมีกำไรพอประมาณไม่มากมายนัก จะมีปีนี้แหละที่ครึ่งแรกรายได้หล่นฮวบฮาบแต่ก็ยังมีกำไรไม่ถึงกับชักทุน เข้าเนื้อให้ผู้ถือหุ้นเสียหายตามปกติของธุรกิจก่อสร้างมีขึ้นมีลงตามสภาพ

แล้วมติเพิ่มทุนก็ออกมาเมื่อต้นปีนี้ โดยบอร์ดบริษัทมีมติเพิ่มทุน 550 ล้านหุ้นขายนักลงทุนวงจำกัดหรือพีพี 550 ล้านหุ้นที่ราคา 0.85 บาทต่อหุ้น โดยมติดังกล่าวที่ประชุมผู้ถือหุ้นก็ผ่านให้ตามพิธีเรียบร้อย 

เวลาผ่านไปราคาหุ้นในกระดานตลาดโรยตัวลงมา เหลือที่ระดับแค่ 30-31 สตางค์หรือ 0.30 บาท ก็เลยขายไม่ออกไม่มีคนสนใจซื้อเพราะซื้อในกระดานเอาก็ได้ ถูกกว่ากันเยอะเลย

แผนที่เคยว่าจะกดเงิน 467.5ล้านบาทเข้าบริษัท ก็เป็นอันพบอุปสรรคสะดุดขาตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ แต่ความต้องการเพิ่มทุนก็ยังจำเป็นต่อไป เพื่อสำรองใช้ในการขยายกิจการและเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาและอนุมัติให้บริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น 6,822.53 ล้านหุ้น ให้ผู้ถือหุ้นเดิม 4,215.02 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาขายหุ้นละ 0.25 บาท และรองรับแปลง EMC-W5 หวังระดมทุน 1,700 ล้านบาท ล้มแผนขายหุ้นเพิ่มทุน PP

เรียกง่ายๆ เปลี่ยนจากขายพีพีมาเป็นขายแบบอาร์โอ  เหมือนจะจีบกิ๊กไม่ได้ผลเลยต้องกลับมากินของตายที่บ้านชนิด “ตายรัง” 

แถมขายต่ำกว่ากระดานเสียอีก ใจกว้างกันสุดๆๆๆๆ

ทางด้าน POLAR ก็เช่นกัน เพิ่งผ่านการซื้อขายกิจการเปลี่ยนมือเจ้าของมาหมาดๆไม่เกินปี จากชื่อเดิม WAT เจอปัญหาคล้ายๆ กันโดยไม่ต้องนัดหมาย

จากงบสิ้นงวดมิถุนายน บริษัทนี้มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2.3 แสนล้านบาท (ซึ่งก็คงรอลดทุน ลดพาร์กันต่อไปตามสูตร) แต่มีส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.6 พันล้านมีหนี้สินต่ำมากแค่ 771 ล้านบาทเรียกว่า สภาพคล่องเหลือเฟือแต่มีจุดเสียคือ มีรายได้ต่ำและยังมีตัวเลขขาดทุนสุทธิอยู่นิดหน่อยแสดงว่าเป็นบริษัทเงินสด ไม่ค่อยมีกิจการเป็นชิ้นเป็นอันต้องหาทางสร้างสินทรัพย์งอกเงยมากขึ้น

ข้อเท็จจริงก็นำมาสู่ปฏิบัติการหาเนื้อเต่ามาใส่กระดองตามสูตรนักการเงิน สมัยใหม่เพื่อสร้างมูลค่าผู้ถือหุ้น ต่อไปในอนาคตจะได้ไม่เสียของและราคาหุ้นจะได้ดีหน่อย ไม่ใช่ต่ำเตี้ยแค่ 0.13 บาทหรือแค่ 13 สตางค์อย่างปัจจุบัน

เดือนมีนาคม คณะกรรมการบริษัท POLAR มีมติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้บุคคลในวงจำกัด ราย จำนวน 4,000 ล้านหุ้น ราคาขาย 0.117 บาทต่อหุ้น ประกอบด้วย นายกฤตย์ อินทรพรอุดม จำนวน 1,600 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 187.20 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นหลังเพิ่มทุน 12.79%, นายอรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย จำนวน 1,200 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 140.40 ล้านบาท หรือ 9.59%, นางสาวศรัญญา นาเหลากลาง จำนวน 600 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 70.20 ล้านบาทหรือ 4.79% และนางสาวศิริพร ช่างปรุง จำนวน 600 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 70.20 ล้านบาท หรือ 4.79% ดังนั้น รวมเป็นจำนวนหุ้นทั้งสิ้น  4,000 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 468 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นหลังเพิ่มทุน 31.96% ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาขายหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมที่ราคา 0.45 บาทต่อหุ้น

เงื่อนไขขายพีพีให้ทั้ง 4 รายนี้ยังอย่างอื่นตามมาอีกได้แก่ การใช้สิทธิของ TSR  2,440 ล้านบาท และการเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพ 1,930 ล้านบาท

แผนระดมทุนจนได้ผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่นี้ น่าสนใจตรงทีไม่ ได้ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้บุคคลในวงจำกัด และวัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนรวม 4,838 ล้านบาทอย่างชัดเจน 

เรียกว่ารายย่อยตกเป็นเหยื่อของการ “รุมโทรม” ชัดเจนเกินไป

แผนธุรกิจอย่างนี้ไม่เห็นหัวรายย่อยเอาเสียเลย 

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหนหรือเพราะมีคนทักท้วงขึ้นมาตลาดหลักทรัพย์ฯ เลยตื่นขึ้นมาตาสว่างเมื่อเดือนตุลาคมนี้เองสั่งการให้ POLAR ชี้แจงหลายข้อ ทั้งเรื่องราคาขายพีพีต่ำและความไม่ชัดเจนเรื่องวัตถุประสงค์ 

เรื่องมันก็เลยเกิดการวกกลับ180 องศาเมื่อบอร์ด POLAR กลับมติใหม่เปลี่ยนจากขายพีพีเป็นขายแบบอาร์โอกะทันหันในราคาต่ำกว่าราคาพีพี ตามรอยEMC แต่ก็ยังมีฟอร์มให้ยุ่งยากต่อไปอีก

มติใหม่ระบุว่าจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) จำนวน 4.257 หมื่นล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์หุ้นละ 30 บาท  โดยการออกใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSR) หรือสิทธิซื้อหุ้นจอง ขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ในราคา 0.00 บาท (ก็ให้ฟรีนั่นแหละ)  ในอัตราส่วน 1หุ้นเดิมต่อ หน่วย TSR 

โดยใบ TSR จะมีอัตราการแปลงสภาพ คือ หน่วย แปลงเป็นหุ้นสามัญได้ หุ้นในราคาหุ้นละ 0.039 บาท และในภายหลังทางบริษัทจะดำเนินการนำ TSR ดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นสามารถขายและโอนสิทธิ์ในแบบใบ TSR

รวมแล้วผู้ถือหุ้นเดิมจะได้หุ้นใหม่ในราคาไม่ต่ำกว่า 0.039 บาทหรือ 3.9 สตางค์หากกอด TSR ไปจนครบอายุต้องแปลงสิทธิ ระหว่างนั้นหากอดใจไม่ไหว ก็ขายออกไปก่อนได้ ไม่ต้องเอาหุ้นใหม่กันละ 

ส่วนหุ้นใหม่หลังแปลงสิทธิของ POLAR จะเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่านั้นราคาเท่าไหร่ ไม่กล้าคาดเดาเลยว่าจะไปอยู่ที่กี่สตางค์…..หึ…หึ…หึ

ทำให้ซับซ้อนกันอย่างนี้ รายย่อยคงต้องไปคำนวณกันเองอีกว่าจะเอาหรือไม่เอา เพราะบริษัทอ้างว่าถ้าผู้ถือหุ้นเดิมไม่ต้องการ ก็สามารถ TSR ออกมา ชดเชยผลของ Dilution ที่เกิดจากการเพิ่มทุน แต่ถ้าต้องการจองซื้อมากกว่าสัดส่วนที่ได้รับ ก็เข้าไปซื้อสิทธิ TSR ได้ หรือคนที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเดิมก็เอาเงินไปซื้อTSR ได้จากตลาด

เป้าหมายระดมเงินครั้งนี้ POLAR ระบุว่าจะเอาไปซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าระดับหรูที่พังงา ในรูปแบบ Pool Villa  1,500 ล้านบาท และอีกแห่งโดยร่วมทุนที่อังกฤษกับ Glory ACME Limited เพื่อลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยบนถนนเชอร์วูด ลอนดอน มูลค่า 130 ล้านปอนด์ หรือ 7,300 ล้านบาท 

อ่านโครงการหรูของ POLAR แล้วหลายคนคิดถึงชื่อหุ้น N-PARK ขึ้นมาจับใจ ฟอร์มใหญ่อย่างนี้เปี๊ยบเลย ไม่รู้ใครลอกใคร

ตรงนี้แหละที่ทำให้เกิดความต่างราวฟ้ากับดินระหว่างอาร์โอของ EMC ที่ง่ายๆ กับ POLAR อันแสนยอกย้อน

เพราะของดี แล้วถูกมีที่ไหนกัน

Back to top button