Mastercard สู่ยุคการเปลี่ยนแปลง

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลต่อบริการทางการเงินจากค่าย Apple มากน้อยเพียงใด...เดี๋ยวคงได้รู้กัน แต่ที่แน่ๆ มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!


นับตั้งแต่ปี ค.ศ.2024 Mastercard (มาสเตอร์การ์ด) ประกาศเป็นเครือข่ายการชำระเงินแห่งแรกของโลก ที่ยกเลิกใช้“แถบแม่เหล็ก”บนบัตรเครดิตและบัตรเดบิต หลังเทคโนโลยีดังกล่าวมีการใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 โดยเริ่มที่สหภาพยุโรปเป็นแห่งแรก ช่วงปี ค.ศ.2024 จากนั้นสหรัฐอเมริกา ช่วงปี ค.ศ.2027 และบังคับใช้ทั่วโลกภายในปี ค.ศ.2033

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจาก Mastercard ทำการสำรวจ พบว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายของชาวอเมริกันกำลังเปลี่ยนไปจากเดิม อันดับแรกคือ คนอเมริกันอยากใช้บัตรเครดิต ที่มาพร้อมชิปในการจ่ายเงินมากขึ้น รองลงมาจากชิปคือ เทคโนโลยีการจ่ายเงินแบบ Contactless

ปัจจัยหลักที่ทำให้ความต้องการดังกล่าวเพิ่มขึ้น มาจากประเด็นด้านความปลอดภัย..!!

นอกจากนี้พบว่า ขณะนี้คนอเมริกันเพียง 11% ที่ยังอยากได้แถบแม่เหล็กอยู่ ในทางตรงกันข้าม มีผู้ตอบแบบสอบ ถามถึง 81% ที่บอกว่ารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น หากบัตรเครดิตไม่มีแถบแม่เหล็ก โดย 92% บอกว่า จะใช้จ่ายผ่านบัตรมากขึ้นหากไม่มีแถบแม่เหล็กติดตั้งมาด้วย

สำหรับไตรมาสแรกปี ค.ศ.2021 Mastercard มีธุรกรรมแบบไม่ต้องสัมผัสมากกว่า 1,000 ล้านรายการ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2020 และไตรมาส 2 ปี ค.ศ.2021 สัดส่วนกว่า 45% ของธุรกรรมการชำระเงินด้วยตนเองทั้งหมดทั่วโลก เป็นแบบไม่ต้องสัมผัส

ว่าด้วยเรื่อง“แถบแม่เหล็ก”และ“ชิป”บนบัตรดังกล่าว สำหรับประเทศไทย ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ,สมาคมธนาคารไทย และสถาบันการเงิน ร่วมกันผลักดันให้มีการปรับเปลี่ยนบัตร ATM หรือบัตรเดบิต จากรูปแบบบัตรแถบแม่เหล็กแบบเดิม ให้เป็นบัตรแบบชิปการ์ดมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความปลอดภัยเรื่องการใช้บัตรมากขึ้น

โดยสาเหตุต้องเปลี่ยนบัตรจากบัตรแถบแม่เหล็กมาเป็นแบบชิปการ์ด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยการใช้บัตร เนื่องจากเทคโนโลยีชิปการ์ด เป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง สามารถป้องกันการถูกมิจฉาชีพโจรกรรมข้อมูลไปทำบัตรปลอม (skimming)

ที่ผ่านมา ทั้ง 3 หน่วยงานดังกล่าว ร่วมกันผลักดันให้ประชาชนเปลี่ยนไปใช้บัตร ATM หรือบัตรเดบิต จากบัตรแถบแม่เหล็กเป็น“บัตรแบบชิปการ์ด” ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 มีเป้าหมายเปลี่ยนบัตรทั้งหมด เป็น“ชิปการ์ด”ให้ครบถ้วน ภายในสิ้นปี พ.ศ.2562 เพื่อยกระดับความปลอดภัย ในการทำธุรกรรมผ่านบัตร ATM หรือบัตรเดบิต

โดยมีมาตรการจูงใจจากธนาคาร ด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกบัตรทดแทน สำหรับการเปลี่ยนบัตร ATM หรือบัตรเดบิต จากบัตรแถบแม่เหล็กเป็นบัตรแบบชิปการ์ด และจบสิ้นวันที่ 15 ม.ค.63 ที่ผ่านมา

เป็นที่น่าสนใจว่าการเปลี่ยนแปลงของ Mastercard ครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนครั้งสำคัญครั้งหนึ่ง ที่น่าสนใจไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลต่อบริการทางการเงินสุดมินิมอล อย่าง Apple Card จากค่าย Apple มากน้อยเพียงใด…เดี๋ยวคงได้รู้กัน แต่ที่แน่ๆมันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว..!!

Back to top button