ซัดกันมั่ว..ซั่วกันสุด
หลังจากเม้าท์ถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยอย่างหนำใจ ก็ถึงเวลาของการทำตัวเผือกเรื่องชาวบ้านตามคำเรียกร้อง ของแฟน ๆ ที่ต้องการสอดรู้สอดเห็นเรื่องทั่วไป
* หลังจากเม้าท์ถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยอย่างหนำใจ ก็ถึงเวลาของการทำตัวเผือกเรื่องชาวบ้านตามคำเรียกร้อง ของแฟน ๆ ที่ต้องการสอดรู้สอดเห็นเรื่องทั่วไป เพื่อประดับเป็นองค์ความรู้ และใช้เม้าท์กับเพื่อนขาเผือกตัวแม่ “โมนิก้า” จึงต้องรีบตอบสนองความกระเหี้ยนของชาวหุ้นอย่างเต็มใจ ขณะเดียวกันก็เป็นการเปลี่ยนอิริยาบทของการทำงานไปในตัวแบบนี้..อาร์ทตัวแม่จัดเต็มแน่นอนเจ้าค่ะ
* ส่วนเรื่องที่จะเม้าท์วันนี้มีทั้งประเด็นการเมือง เรื่องของหมอสามนิ้ว ข่าวซุบซิบของหุ้นไทย รวมทั้งผู้บริหารหนุ่มหัวร้อนที่พีอาร์หลายเจ้าต่างร้องยี้กันเป็นแถว น่าจะแซ่บถูกใจบรรดาขาเผือกจนต้องกดไลค์รัว ๆ กันเลยทีเดียว! ก่อนจะไปถึงตรงนั้น “โมนิก้า” ขออธิบายปรากฏการณ์ตลาดหุ้นไทยสักหนึ่งย่อหน้า เพื่อทำให้เห็นการฝืนธรรมชาติไม่น่าจะเป็นผลดีสำหรับคนที่ไหวตัวช้านะคะ
* เนื่องจากการพยายามสวนตลาดโลกที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่เป็นผลดีสำหรับการเล่นในวันถัดไป “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับลองคิดดูดี ๆ ว่า การยืนปิดที่ระดับ 1,544.28 จุด ลบไป 7.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.81 หมื่นล้านบาท ทั้งที่วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ ซึ่งมักจะมีแรงขายออกมาถล่มซ้ำเป็นประจำ มันใช่จังหวะของการเข้าเล่นแบบสุดซอยจริงไหม? และแฟนคลับจะเอาตัวรอดได้หรือเปล่า? ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ
* วกกลับมาเรื่องการเมืองร้อน ๆ ซึ่งเป็นประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากจะเม้าท์เป็นอันดับแรกกันดีกว่า เพราะสิ่งที่เคยคาดหวังจะได้เห็นฝีมือจากฝ่ายค้าน กลับกลายเป็นเรื่องกัดกันเองเสียอย่างนั้น เดี๊ยนเลยมองการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก็คงเป็นเพียงวาทะกรรมประเภทน้ำท่วมทุ่งอีกตามเคย ซึ่งจะทำให้ฝ่ายรัฐบาลตีกินแบบนิ่ม ๆ และลอยตัวเหนือปัญหาแบบสบายเกือกอีกกระมัง!
* ยิ่งเห็นนายหัวของพรรคสีแดงอย่าง “โทนนี่” โดนเด็กรุ่นลูกของพรรคสีส้มถอนหงอกแบบไม่เกรงใจด้วยข้อความ “ที่แท้โง่มาจะ 20 ปี” ยิ่งเป็นช็อตที่ทำให้รู้เลยว่า พรรคสีแดงตกเป็นเบี้ยล่างให้กับเด็กเมื่อวานซืน ทั้งที่อ่อนพรรษาทางการเมืองเบิร์ดหัวอย่างสนุกสนานแบบนี้ “โมนิก้า” มองไม่ออกจริง ๆ ว่า เที่ยวนี้จะเอาอะไรไปสู้กับอำนาจรัฐที่มีอยู่ล้นมือ และสุดท้ายก็คงทำให้คอการเมืองปลงสังเวชอีกตามเคย..อิอิอิ
* ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงกับชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง ATK ซึ่งเปิดประมูลจำนวน 8.50 ล้านชุดในราคาชุดละ 70 บาทไปหยก ๆ อีกเช่นกัน เพราะเรื่องดังกล่าวมีมุมให้มอง 2 ด้านด้วยกันคือ ด้านที่หนึ่งเกี่ยวข้องกับระเบียบการประมูลที่ว่าด้วยสเป็คสินค้าต้องตรงตาม อย. และ อภ. กำหนดไว้ ด้านที่สองซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับใช้ตัดสินใจคือ ราคา ซึ่งส่งผลให้ตัวเทสจีนเข้าวินสบาย ๆ (ส่วนความไม่ชอบมาพากลของบริษัทผู้ชนะ มันเป็นอีกเรื่องที่สังคมกำลังตามแฉ) นะคะ
* สิ่งที่ “โมนิก้า” อยากจะบอกให้สังคมรู้คือ คนในตลาดหุ้นส่วนใหญ่รู้ดีว่า ระดับความแม่นยำของตัวเทสโควิดแต่ละยี่ห้อมีระดับที่แตกต่างกัน และระดับความแม่นยำก็เป็นตัวแปรที่ใช้สำหรับกำหนดราคา และข้อมูลที่เดี๊ยนรับรู้มาคือ ตัวเทสที่มีความแม่นยำสูง ๆ มีราคาตั้งแต่ 200-300 บาท จึงอยากให้พวกหมอสามนิ้วที่ออกมาร้องเย้ว ๆ ช่วยอธิบายให้สังคมรับรู้ครบทุกด้าน เพื่อทำให้การเปิดประมูลรอบถัดไปได้สินค้าที่ถูกใจหมอ..คุณแม่ขอร้อง!
* เรื่องถัดมาที่อยากเม้าท์เกี่ยวกับหุ้น UPA ซึ่งกระดี๊กระด๊ารับข่าวกัญชงกัญชาแบบโอเวอร์แอคติ้ง แต่วานนี้กลับมีข่าวลือหนาหูสุด ๆ ว่า ดีลสว็อปหุ้นกับบริษัทนอกตลาดหุ้น GTG เกิดการผิดเงื่อนไขบางประการขึ้นเสียแล้ว! ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีอันต้องล้มดีลก่อนเวลาอันควร ซึ่งเหมือนที่คำโบราณบอกไว้หม้อยังไม่ทันดำแบบนี้..เฮีย.ก ต้องออกมาเคลียร์ปมร้อนด่วนจี๋ เพราะแมงลือชี้เป้าว่า เฮียเป็นคนเดินเกม?..เดี๊ยนถึงต้องบอกเฮียให้รู้ตัว เดี๋ยวจะหาว่า รักกันไม่จริง!
* สำหรับการหยิบยกประเด็นทายาทหนุ่มหัวร้อนแห่งค่าย S… ขึ้นมาเม้าท์แตกในคราวนี้ ล้วนมาจากวีรกรรมอันสุดโต่งในทุกด้าน จนคนที่ทำงานถวายหัวประกาศไม่สังฆกรรมนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก ๆ ในแวดวงตลาดหุ้น และความอหังการที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ น่าจะมาจากการที่พ่อทิ้ง (บริษัท) ให้บริหารงานต่อ เลยไม่ฟังใครที่ทักท้วงด้วยความหวังดีทั้งนั้น..เดี๊ยนเลยมองว่า พ่อหนุ่มกำลังจะหัวเน่า หากไม่รีบปรับปรุงตัวนะจะบอกให้