16 หุ้น “รพ.” กำไร Q2/64 กระฉูด! อานิสงส์ตรวจ-รักษาโควิดระบาดหนัก
ไตรมาส 2 ปี 2564 สถานการณ์ระบาดใหญ่ระลอก 3 ของโควิด-19 ในประเทศไทยทวีความรุนแรงด้วยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์เดลต้า
เส้นทางนักลงทุน
ไตรมาส 2 ปี 2564 สถานการณ์ระบาดใหญ่ระลอก 3 ของโควิด-19 ในประเทศไทยทวีความรุนแรงด้วยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์เดลต้า นำไปสู่การประกาศยกระดับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการจำแนกตามพื้นที่สถานการณ์ที่จำเป็นอย่างเร่งด่วนโดยภาครัฐ อาทิ การห้ามออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลาที่กำหนด การจำ กัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางประเภท และการห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลเป็นต้น
สำหรับการให้บริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาล ยังคงให้บริการคนไข้ทั่วไปภาคปกติอย่างต่อเนื่อง และสิ่งสำคัญทางโรงพยาบาลยังคงมุ่งมั่นในการเพิ่มศักยภาพเพื่อให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับโควิด-19 อาทิ บริการตรวจคัดกรองแยกกักกกกัน และรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ ตามระดับอาการตั้งแต่ผู้ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยซึ่งเข้ารับการรักษาในห้องผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) ตลอดจนผู้ที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรงมากที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดภายในโรงพยาบาล
นอกจากนั้นทุกโรงพยาบาลได้ร่วมให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 แก่ประชาชนตามที่ภาครัฐกำหนดเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติการระบาดใหญ่ในครั้งนี้ไปด้วยกัน
ผลพวงดังกล่าวส่งผลให้ทางกลุ่มโรงพยาบาลประกาศผลประกอบการในไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ออกมาสามารถทำกำไรเติบโตแกร่งเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อาทิ VIH, BH, AHC, BCH, CHG, BDMS, RJH, SVH, SKR, PR9, EKH, LPH, VIBHA, KDH, CMR และ THG
บริษัท ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ VIH รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 275.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,644.94% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 15.80 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการให้บริการตรวจคัดกรองและรักษาผู้ป่วยโควิด-19 รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 216.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 387.22% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 44.43 ล้านบาท โดยหลักเป็นผลจากการเพิ่มของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างประเทศร้อยละ 27.3 และร้อยละ 18.5 ตามลำดับ เป็นผลให้รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 53.6 จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ 46.4 ในไตรมาส 2 ปี 2564
บริษัท โรงพยาบาลเอกชล จำกัด (มหาชน) หรือ AHC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 31.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 338.38% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 7.27 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้รวมเพิ่มขึ้น โดยจังหวัดชลบุรีได้เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่จากสถานบันเทิงช่วงเมษายนและขยายวงกว้างสู่บุคคลในครอบครัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนือง ทางโรงพยาบาลจึงได้จัดตังห้องปฏิบัติการ สำหรับตรวจโควิด-19 เพื่อรองรับการระบาดของโรควิด-19 ที่มีเพิ่มขึ้น และได้ร่วมมือกับภาครัฐบาลและภาคเอกชนในการออกตรวจโควิด-19 เชิงรุกนอกสถานที่เพื่อคัดกรองผู้ป่วยได้อย่างทั่วถึงมากขึ้นรายได้ค่ารักษาพยาบาลทั่วไปเพิ่มขึ้น 56.09 ล้านบาท คิดเป็น 27.1% เนืองจากจำนวนผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในเพิ่มขึ้น
รวมทั้งรายได้จากโครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้น 10.60 ล้านบาท คิดเป็น 11.2% เนืองจากรายได้ค่าบริการทาง การแพทย์ผู้ป่วยใน (DRG RW>2) ของปี 2564 บันทึกด้วยอัตราสูงกว่าปีก่อนรวมทังรายได้การตรวจ COVID19RT-PCR เชิงรุกโดยสำนักงานประกันสังคม
บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,145.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 311.26% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 278.59 ล้านบาท เป็นผลจากสัดส่วนผู้ป่วยทั่วไปสำหรับไตรมาส 2 ปี 2564 เพิ่มขึ้น 3,587.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 169.79% สำหรับการเพิ่มขึ้นของรายได้ดังกล่าวเกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค และผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มีผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองโควิด-19 ณ โรงพยาบาลและการตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ
ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทและโรงพยาบาลในเครือได้เพิ่มศักยภาพเพื่อรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยร่วมกับโรงแรมต่างๆ เพื่อให้บริการกักกันและรักษาผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยในรูปแบบหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) รวมถึงการปรับและขยายพื้นที่ภายในโรงพยาบาลเพื่อรับดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรง
บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 576.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 272.06% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 154.83 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยรายได้ในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไปไตรมาส 2 ปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 โดยแยกออกเป็นรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) เพิ่มขึ้น 272.21 ล้านบาท และรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) เพิ่มขึ้น 121.11 ล้านบาท จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ยังคงส่งผลกระทบด้านลบในกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติและจากการหลีกเลี่ยงการเข้าสถานพยาบาล
อีกทั้งเกี่ยวเนื่องจากโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นไปตามกัน โดยมาจากการให้บริการตรวจคัดกรอง, การให้บริการเกี่ยวกับสถาน กักกันโรค(ASQ) และการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 นอกจากนี้รายได้โครงการประกันสังคมไตรมาส 2 ปี 2564 เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากการเติบโตของจำนวนผู้ประกันตนและรายได้ค่าบริการทางการแพทย์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง (Adj.RW >2)
ขณะเดียวกันรายได้จากโครงการภาครัฐอื่นๆ ไตรมาส 2 ปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 515 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2563จาก จำนวนเคสที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับอัตราการจ่ายเงินของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จากเดิม 8,250 บาท เป็น 8,750 บาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 6% ซึ่งมีผลตั้งแต่มิถุนายน 2563 เป็นต้นมา นอกจากนี้ยังมีรายได้ใน ส่วนของการบริการตรวจคัดกรองโควิด-19 และการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาทั้งภายในโรงพยาบาล และหอเฉพาะกิจ (Hospitel) ที่ทางโรงพยาบาลได้เปิดขึ้นมาเพื่อรองรับปริมาณผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 60.23 ล้านบาท จากการประมูลรับจ้างบริหารงานให้กับโรงพยาบาลภาครัฐ
อย่างไรก็ตามข้อมูลข้างบนเป็นเพียงตัวอย่างหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลสามารถทำกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2564 เติบโตแกร่ง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนตัวอื่นดูตัวเลขกำไรสุทธิจากตารางประกอบ
ทั้งนี้จะเห็นได้ชัดว่าเมื่อสถานการณ์การเมื่อมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น กลุ่มที่จะได้รับประโยชน์มากสุดเป็นกลุ่มโรงพยาบาลเพราะต้องเข้าตรวจและรักษา!
…