อุตสาหกรรมรถยนต์ยัง ‘ติดหล่ม’
บริษัทรถยนต์หลายแห่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะต้องหยุดการผลิตไปสักพัก เป็นสัญญาณล่าสุดว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ยังคง “ติดหล่ม” อยู่กับปัญหาชิปขาดแคลน
การออกมาเตือนของบริษัทรถยนต์หลายแห่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะต้องหยุดการผลิตไปสักพัก เป็นสัญญาณล่าสุดว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ยังคง “ติดหล่ม” อยู่กับปัญหาชิปขาดแคลน และยังแก้ปัญหาไม่ตก แถมยังไม่มีสัญญาณว่า ปัญหานี้จะบรรเทาลงในเร็ววัน
ไตรมาสนี้ควรจะเป็นช่วงที่ซัพพลายชิปคอมพิวเตอร์และการผลิตรถยนต์กลับมาเป็นปกติ แต่การติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตรถยนต์และโรงงานผลิตชิปที่สำคัญ ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนรอบใหม่ จนต้องมีการประกาศปิดโรงงานรถยนต์ทั่วโลก ซึ่งอาจทำให้ราคารถยนต์สูงลิ่วต่อไป
หลังจากที่ถูกบีบให้ปิดโรงงานเมื่อปีที่แล้วเพราะการระบาดของไวรัสโคโรนา บริษัทรถยนต์ยังต้องเจอกับการแข่งขันอย่างรุนแรงกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคเพื่อให้ได้ชิปมา ท่ามกลางการหยุดชะงักของซัพพลายเชนทั่วโลก
แม้แต่โตโยต้าที่สามารถบริหารได้ดีจนสามารถหลีกเลี่ยงการปิดโรงงานได้ในปีที่ผ่านมา เพราะได้มีนโยบาย สต๊อกชิปไว้ตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนหลังเกิดแผ่นดินไหวและเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์รั่วในฟูกูชิมะ เมื่อปี 2554 ก็ยังไม่สามารถเดินหน้าผลิตรถได้ตามแผนอีกต่อไป
บริษัทต้องประกาศลดการผลิตทั่วโลกในเดือนกันยายน ลงจากแผนการในก่อนหน้านี้ประมาณ 40% และแผนการนี้ ส่งผลกระทบต่อโรงงานในญี่ปุ่นและในที่อื่น ๆ ซึ่งรวมถึงโรงงานส่วนใหญ่ในอเมริกาเหนือ
โฟล์คสวาเกน ซึ่งเป็นบริษัทที่มียอดขายมากเป็นอันดับสองรองจากโตโยต้า ก็ต้องยอมรับว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกต่อการผลิต และในขณะนี้ได้คาดการณ์ว่า ซัพพลายชิปในช่วงไตรมาสสามจะยังคงตึงตัวและไม่แน่นอน
สเตลแลนติส ผู้ผลิตรถยนต์อันดับสี่ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้จากการควบรวมกิจการของเฟียต ไครสเลอร์ และพีเอสเอ กรุ๊ป ก็ออกมาประสานเสียงว่า จะหยุดการผลิตในโรงงานแห่งหนึ่งในภาคตะวันตกของฝรั่งเศส ในสัปดาห์นี้ และจะลดกำลังการผลิตในโรงงานในภาคตะวันออกอีกหนึ่งแห่ง
ก่อนหน้านั้น ฟอร์ด มอเตอร์ได้ประกาศระงับการผลิตชั่วคราวรถปิ๊กอัพ F-150 ซึ่งเป็นรถที่ขายดีที่สุดและทำกำไรให้บริษัทในโรงงานประกอบที่แคนซัส ซิตี้
ขณะที่ จี๋ลี่ ออโตโมบิล โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า การขาดแคลนชิปที่เลวร้ายลงและการติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบมากต่อยอดขายในช่วงสองสามเดือนข้างหน้า
แม้โฟล์คสวาเกน คาดว่า สถานการณ์จะดีขึ้นภายในปลายปีนี้ แต่บริษัทรถยนต์จำนวนหนึ่งยังคงเตือนว่า วิกฤตชิปจะลากยาวไปจนถึงปีหน้า ซึ่งดับฝันของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่หวังว่าจะฟื้นตัวได้เร็ว
การผลิตรถยนต์โดยรวมทั่วโลกและทั่วทั้งอุตสาหกรรม ลดลงในไตรมาสที่สอง เนื่องจากการขาดแคลนชิป แต่ผู้ผลิตรถยนต์คาดการณ์ว่าการขาดแคลนชิปจะลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สามารถผลิตตามทันได้
แต่ วิบากกรรมก็ยังไม่หมด การระบาดของสายพันธุ์เดลต้า และอัตราการฉีดวัคซีนที่ยังคงต่ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ทำให้สถานการณ์ยุ่งยากสำหรับซัพพลายเออร์
อย่างไรก็ดี มีการวิเคราะห์ว่า ปัญหาการขาดแคลนชิปที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมรถยนต์ในช่วงปลายปี 2563 และในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความผิดพลาดในการวางแผน มากกว่าปัญหาที่เกิดจากการระบาดใหญ่โดยตรง
เมื่อธุรกิจปิดตัวลง และมีคำสั่งให้อยู่กับบ้าน ทำให้มีคนตกงานมากในช่วงต้นปี 2563 ในตอนแรกยอดขายรถยนต์ลดลง บริษัทรถยนต์จึงตอบโต้ด้วยการลดคำสั่งซื้อชิ้นส่วน ซึ่งรวมถึงชิป และยังคาดว่า จะเกิดภาวะถดถอยครั้งใหญ่ที่จะลดความต้องการรถยนต์ใหม่เป็นเวลาหลายเดือน
แต่สถานการณ์กลับเป็นไปในทางตรงข้าม ดีมานด์รถยนต์ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทรถยนต์ไม่มีชิปตามที่ต้องการ และซัพพลายเออร์ก็ได้ขายชิปให้กับบริษัทคอมพิวเตอร์ คอนโซลวิดีโอเกมและบริษัทอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ไปแล้ว ประกอบกับดีมานด์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอีกในช่วงที่เกิดการระบาด ชิปจึงยิ่งขาดแคลนไปกันใหญ่
วิกฤตที่เกิดขึ้นกับการผลิตรถยนต์ น่าจะหมายถึงว่า ผู้บริโภคจะมีซัพพลายจำกัด และหากเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกนาน ก็น่าจะทำให้ราคารถยนต์อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในที่สุด ก็จะกระทบดีมานด์ และส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม