เปลี่ยนกรอบเล่น
หากแผนฉีดวัคซีนไม่สะดุดยอดหญ้าไปเสียก่อน และแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นรูปธรรมขึ้นกว่าก่อน รวมทั้งปัญหาการเมืองไม่มีความรุนแรง
* หลังจากนักลงทุนต่างชาติ และกองทุนดาหน้าซื้อหุ้นไทยแบบจัดเต็ม ก็ทำให้กรอบการเล่นเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับส่งสัญญาณให้รู้คร่าว ๆ ว่า หากแผนฉีดวัคซีนไม่สะดุดยอดหญ้าไปเสียก่อน และแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นรูปธรรมขึ้นกว่าก่อน รวมทั้งปัญหาการเมืองไม่มีความรุนแรง น่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยเล่นบนกรอบใหม่บริเวณ 1,550-1,600 จุดไปอีกพักหนึ่งนะจ๊ะ
* สาเหตุที่ทำให้เชื่อเช่นนั้นเป็นเพราะแรงซื้อรอบใหม่ที่เข้ามาอย่างพร้อมเพรียง โดยไม่มีความหวาดกลัวเหมือนครั้งก่อน ๆ ทำให้ต้นทุนการเล่นย้ายมาจุดใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม ผสานกับแนวความคิดของคนในตลาดหุ้นมองไตรมาส 4 น่าจะเป็นจุดพลิกกลับของประเทศไทย ดัชนีถึงยืนปิดที่ 1,586.98 จุด บวกไป 4.91 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่สูงถึง 1 แสนล้านบาทไงล่ะคะ
* ถึงกระนั้น “โมนิก้า” ยังมองการขึ้นเที่ยวนี้เป็นแบบสั้น ๆ เพราะสถานการณ์ในเดือนหน้าจะเป็นตัวชี้ว่า ประเทศไทยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นไหม? ผนวกกับวันเสาร์ที่ผ่านมาเดี๊ยนได้นั่งชมเกมพรีเมียร์ลีกกับหวานใจ จู่ ๆ ความรู้สึกอิจฉาก็เกิดขึ้นในบัดดล เพราะแฟนบอลอังกฤษกลับมาแน่นสนามอีกครั้ง เลยทำให้เชื่อว่า ประเทศน่าจะมีโอกาสเดินมาถึงตรงจุดนั้นบ้างเจ้าค่ะ
* ส่วนรายที่สลัดอาการเดี้ยงที่กินเวลาเดือนกว่า ๆ พร้อมกับคัมแบ็คอย่างเป็นทางการอย่างหุ้น PTT ก็กลายเป็นทีเด็ดที่น่าติดตามสุดในยามนี้ ยิ่งเห็นหุ้นเทรดบน PE 12 เท่า ยิ่งทำให้หุ้นตัวนี้เด่นขึ้นมาทันที “โมนิก้า” ถึงมองราคาปิดที่ 37 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.31 พันล้านบาท น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ชอบหุ้นใหญ่สตอรี่เด่นนะจะบอกให้
* เมื่อหุ้นใหญ่กลับมาอยู่ในโฟกัสของผู้เล่นสถาบัน จึงไม่ต้องแปลกใจที่เห็นหุ้น CBG ทะยานขึ้นแรงครั้งแรกในรอบ 1 เดือน พร้อมกับปิดไปที่ระดับ 136.50 บาท บวกไป 4.50 บาท หรือขึ้นไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.72 พันล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการโหนกระแสของคนที่ชอบเล่นรอบสั้น ๆ ผนวกกับหุ้นเคยวิ่งขึ้นไปแถว ๆ 150 บาทให้เห็นแล้ว 2 ครั้ง เดี๊ยนเลยเชื่อว่า อาจมีเหตุการณ์ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นอีกนะคะ
* ส่วนรายที่แหวกกระแสขึ้นทำ all time high อย่างมีคลาสสุด ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น MEGA แบบไม่ลังเลใจ ยิ่งเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 49 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 5.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.48 พันล้านบาท ยิ่งควรประเมินโอกาสในการปั้นกำไรต่อหุ้นปี 2564 จะอยู่ในระดับ 2 บาทไหม?..หากทำได้จริงเหมือนที่ประเมินไว้ ราคาหุ้นแถว ๆ 60 บาทก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอย่างแน่นอน (หากคิดบนพีอี 30 เท่า) นะตัวเอง
* สำหรับคนที่ชอบความท้าทายในชีวิต “โมนิก้า” คงต้องส่องกล้องมองไปที่หุ้น U เพื่อชี้ให้เห็นแรงซื้อที่ไหลเข้ามาร่วมสัปดาห์ทำให้หุ้นเปลี่ยนโมเมนตัมอย่างชัดเจน และการที่หุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 1.04 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 8.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 469 ล้านบาท ย่อมเป็นจังหวะที่มีลุ้นวิ่งผ่าน 1.10 บาทเป็นครั้งแรก เดี๊ยนถึงแนะนำหุ้นตัวนี้เฉพาะคนที่ถนัดเล่นเร็วไงล่ะคะ
* ประเด็นข้างต้นเชื่อมโยงกับหุ้นร้อน EE ซึ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.52 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 8.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 217 ล้านบาท พร้อมกับทำนิวไฮในรอบ 8 ปี 4 เดือน ซึ่งกลายเป็นช็อต follow buy สำหรับคนที่ต้องการเล่นสั้น ๆ ไปโดยปริยาย และสตอรี่ที่ทำให้หุ้นตัวนี้เด่นขึ้นมาสุด ๆ ก็มาจากกำไรงวดล่าสุดออกมาปังสุด ๆ บรรดาขาเผือกเลยเชื่อว่า งวดถัดไปก็น่าจะออกมาดีเช่นนั้นจ้า!
* ตบท้ายกันที่เรื่อง GULF กับ INTUCH ซึ่งน้องโมได้ทิ้งท้ายเมื่อวันก่อนว่า กัลฟ์จะซื้อหุ้นอินทัชเพิ่มไหม? วันนี้จะมาเฉลยอย่างเป็นทางการว่า ไม่ซื้อเพิ่ม! เพราะมีกฎระเบียบผูกไว้ว่า ในช่วง 1 ปีห้ามซื้อหุ้นในราคาสูงกว่าตอนประกาศเทนเดอร์ฯ ที่ระดับ 65 บาท ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้คืนวงเงินที่เหลืออยู่แสนล้านกลับไปที่แบงก์ “โมนิก้า” เลยหวังว่า คุณ ๆ ท่าน ๆ คงเข้าใจสถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นเช่นไรนะจ๊ะ