พาราสาวะถี

ผู้กำกับโจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ใช้ถุงพลาสติกคลุมหัวผู้ต้องโทษคดีค้ายาเสพติด เพื่อรีดเงิน 2 ล้านบาทแลกกับคดี จนผู้ต้องหาเสียชีวิต


ทันทีทันใดที่คลิปของ พันตำรวจเอกนิธิสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ใช้ถุงพลาสติกคลุมหัวผู้ต้องโทษคดีค้ายาเสพติด เพื่อรีดเงิน 2 ล้านบาทแลกกับคดี จนผู้ต้องหาเสียชีวิต แพร่กระจายไปในโลกโซเซียล และตามมาด้วยแอ็คชั่นของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น คำถามที่ประชาชนทั่วไปเกิดขึ้นในใจก็คือ นี่หรือคือการปฏิรูปวงการสีกากีที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคุยนักคุยหนาว่าจะยกระดับให้ดีขึ้น

ถึงขนาดที่ลงทุนยึดอำนาจจากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากุมบังเหียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยตัวเอง และถ้าย้อนกลับไปยังการประกาศต่อที่ประชุมรัฐสภาในการแถลงนโยบายหลังรับตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อกลางปี 2562 ยิ่งต้องถามหาถึงความรับผิดชอบกันแล้ว โดยผู้นำใช้คำพูดสวยหรูว่า “ผมยืนยันว่าผมจะทำทุกอย่างให้ทำดีที่สุด ให้ตำรวจได้รับความไว้วางใจให้มากที่สุด ประชาชนมีความรู้สึกอุ่นใจ ไม่อย่างนั้นความขัดแย้งก็เกิดขึ้นสูงมากในปัจจุบัน”

แน่นอนว่า ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ล่าสุดเท่านั้น ปมปัญหาตั้งแต่คดีบอส กระทิงแดง ก็ทำให้เสียรังวัดกันไปมากโข กระทั่งผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ต้องตั้งคณะกรรมการที่มี วิชา มหาคุณ เป็นประธาน ขึ้นมาเรียกความเชื่อถือให้กับตัวเอง แต่ก็เป็นเพียงแค่การทำงานที่เห็นผลในบางเรื่องเท่านั้น ภาพรวมซึ่งท่านผู้นำย่อมเข้าใจดีกว่าใคร เพราะเป็นผู้ประกาศในนามหัวหน้าคณะรัฐประหารคสช.เองว่า เข้ามาเพื่อที่จะปฏิรูปทุกอย่างให้ดีขึ้น

โดยที่การปฏิรูปทุกด้านที่กล่าวอ้างทั้งหมดนั้น หาได้เห็นผลเป็นรูปธรรมไม่ ในทางตรงข้ามกลับเด่นชัดยิ่งว่า การปฏิรูปที่คณะเผด็จการรับปากจากข้อเรียกร้องของมวลมหาประชาชน ในนามคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือกปปส.ที่จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้งนั้นเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง เพื่อสร้างความชอบธรรมของการยึดอำนาจเท่านั้น

ระยะเวลากว่า 7 ปี การปฏิรูปที่เริ่มต้นหลังการรัฐประหารภายใต้สภาปฏิรูปแห่งชาติหรือสปช. ส่งต่อให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศหรือสปท. จนกระทั่งมาถึงคณะกรรมการปฏิรูปประเทศในยุครัฐบาลสืบทอดอำนาจ ยังเต็มไปด้วยคำถามและตามมาด้วยความมืดมน ที่ถูกค่อนขอดว่านอกจากไม่เกิดการปฏิรูปเพื่อนำพาประเทศให้เดินไปข้างหน้าแล้ว หลายเรื่องยังทำให้ถอยหลังลงคลองเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะการปฏิรูปด้านการเมือง

ประเด็นการปฏิรูปล้มเหลวนั้น แม้แต่คนกันเองอย่าง วันชัย สอนศิริ ยังยอมรับในฐานะคนที่เป็นทั้งสปช. สปท.จนกระทั่งมาเป็นส.ว.ในปัจจุบันว่า ไม่มีการปฏิรูปด้านใดที่ตอบโจทย์ความคาดหวัง หรือทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบกระแทกใจ ที่รัฐบาลคสช.ทำมาตลอด 5 ปี และสืบต่อมาอีก 2 ปีภายใต้ผู้นำคนเดียวกัน “สิ่งที่ทำดีที่สุดคือการลูบๆ คลำๆ ปัญหาแบบรูทีน แบบระบบราชการ” แต่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ครั้งสำคัญ

โดยที่วันชัยเคยเสนอความเห็นชี้แนะไปยังผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจด้วยว่า หากต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองในตำแหน่งผู้นำประเทศ ไม่เพียงแต่ต้องปฏิรูปตัวเองเท่านั้น สิ่งที่เป็นคำตอบคือ ต้องกล้าปฏิรูปเรื่องใหญ่ๆ ที่โดนใจประชาชน โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจ กล้าปราบปรามทุจริต ไม่ใช่แค่ประกาศเพื่อให้เป็นปรากฎการณ์เท่านั้น ยังไม่นับรวมเรื่องข้อเสนอด้านอื่นที่เจ้าตัวมองว่า ท่านผู้นำกำลังเผชิญสถานการณ์วิกฤติรุมเร้า ทั้งไวรัสโรคร้าย กับไวรัสการเมืองที่โหมกระทบทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก

อย่างไรก็ตาม หากจะยกเอาเฉพาะกรณีของอดีตผู้กำกับรายนี้ มีประเด็นที่ผู้มีบทบาททางสังคมทั้งนักวิชาการและส.ว.ให้ความเห็นอย่างน่าสนใจ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล มองว่า พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. แถลงนิ้วไหนไม่ดีก็ต้องตัดทิ้ง คนส่วนใหญ่จะได้เดินไปต่อ เราไม่สามารถเอาคนแบบนี้ไว้ได้ นับเป็นเรื่องดีที่ผบ.ตร.ดำเนินการเรื่องนี้อย่างฉับพลัน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของนิ้วร้ายนิ้วเดียว

ประเด็นที่สังคมกำลังตั้งคำถามคือ มีเรื่องแบบนี้อีกมากแค่ไหนที่ไม่มีคลิป ไม่มีใครกล้าร้องเรียน และไม่เป็นข่าว สิ่งที่ผบ.ตร.ควรต้องทำคือ ให้การทำร้ายผู้ต้องหาและการเรียกเงินไม่เกิดขึ้นอีก ประกาศไปเลยได้ไหมว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นที่สภ.นครสวรรค์จะเป็นครั้งสุดท้าย” ส่วนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรีมา 7 ปีแล้ว ทำไมจึงไม่ทำสิ่งใดที่เป็นการปฏิรูปตำรวจตามที่สังคมคาดหวังเสียที จนยังเกิดปัญหาอย่างนี้อีก “แล้วท่านจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือ”

ด้าน แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. คนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับวงการสีกากีมาโดยตลอด ก็ตั้งข้อสังเกตเช่นกัน หลักฐานชัดที่สุดที่ได้เคยเห็น แต่การตรวจสอบของหน่วยงานก็ยังคงอ้างว่ารอผลการสอบสวน ต้องชมและให้กำลังใจผู้ที่กล้าร้องเรียนแม้จะรู้ว่าเสี่ยงอย่างยิ่ง เมื่อมีคลิปเผยแพร่ไปพร้อมกับรับรองการตายก็เลยแน่ใจว่าคงฝังกลบไม่ได้แน่นอน น่าเสียดายที่ยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศที่คุยว่าดีนักหนาไม่มีหัวข้อเรื่องการสร้างกระบวนการยุติธรรมที่ดี

จุดสำคัญที่หมอพรทิพย์ขีดเส้นใต้และไม่ต่างจากคนจำนวนไม่น้อยที่ติดตามการปฏิรูปตำรวจนั่นก็คือ ขนาดมีการเขียนเรื่องการปฏิรูปตำรวจในรัฐธรรมนูญยังชักเข้าชักออก สุดท้ายมีแต่เรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ไม่มีเรื่องการสร้างระบบสอบสวนที่ยุติธรรมและการตรวจสอบที่เป็นธรรม ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องทำตามข้อกำหนดสากลพิธีสารมินนิโซตาที่ว่าด้วยเรื่องการสอบสวนการตายที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องให้หน่วยงานกลางเป็นผู้ตรวจสอบไม่ใช่ปล่อยให้ต้นสังกัดเป็นผู้สอบ

ความจริงไม่ใช่แค่เรื่องการทำร้ายผู้ต้องหาในคดีความต่าง ๆ เท่านั้น ในกระบวนการปฏิรูปวงการสีกากี ควรที่จะรวมถึงการสอบสวนการบาดเจ็บของผู้ร่วมชุมนุมและเจ้าหน้าที่จากเหตุการณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองต่าง ๆ ด้วย เพื่อที่จะทำให้เรื่องเหล่านี้มีคนกลางที่ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา แต่ว่าการปฏิรูปที่อ้างกันสวยหรูนั้นกลับไม่มีการพูดถึงประเด็นเหล่านี้แต่อย่างใด

Back to top button