รัฐบาลรอดขัดแย้งลาม
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเพิ่งโหมโรง พรรคฝ่ายค้านโดยเฉพาะเพื่อไทย ประกาศว่าจะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย ขายความหวังไปถึงยุบสภาลาออก
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเพิ่งโหมโรง พรรคฝ่ายค้านโดยเฉพาะเพื่อไทย ประกาศว่าจะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย ขายความหวังไปถึงยุบสภาลาออก
ก็อาจครั้งสุดท้ายจริง ๆ เพราะอภิปรายครั้งนี้แล้วจะไม่สามารถอภิปรายอีก 1 ปี ประยุทธ์อาจอยู่ไปถึงกลางปีหน้า แล้วค่อยยุบสภาถ้าเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐได้เปรียบ
พูดอย่างนี้คือคนฝ่ายเดียวกันยังไม่เชื่อด้วยซ้ำ ว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าฝ่ายค้านมีน้ำหนักหลักฐานชัดแค่ไหน เช่น ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายส่วนต่างราคาวัคซีนซิโนแวค ลดจาก 17 เหรียญเหลือ 9 เหรียญ แต่ ครม.ยังอนุมัติจัดซื้อราคาเดิม
เดี๋ยวรัฐบาลก็คงชี้แจงว่าแค่อนุมัติวงเงิน แต่จัดซื้อตามจริง หรือไม่ก็โมเมว่าฝ่ายค้านใช้เอกสารเท็จ เอาผิด พรบ.คอมพ์ แล้วลากถูกันไปจนได้ แม้มีข่าวลือ ส.ส.ไม่โหวตให้ จน “ป้อม-ตู่” ต้องส่งไลน์คุยกัน มันก็เหลือเชื่อเกินไปว่าเครือข่ายอำนาจจะยอมเปลี่ยนประยุทธ์
อย่างไรก็ดี อภิปรายครั้งนี้น่าสังเกตว่า มีการดิ้นรนระดมคนมาให้กำลังใจ “ลุงตู่สู้สู้” ทั้งลูกจ้างยานยนต์ แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ หาบเร่แผงลอย ร้านอาหาร ซึ่งย้อนแย้งน่าขำ เพราะลูกจ้างยานยนต์ตกงานมากกว่าสาขาอื่น รถแท็กซี่จอดประท้วงเต็มเมือง ร้านอาหารก็ด่าพึม ไรเดอร์ไปม็อบกันเพียบ ทำยังกับยุคเปรม มีปลัดฮิคู่ใจ ขนคนมาชูป้าย
เพจเชียร์ลุงก็ยกผลงาน 7 ปี บัตรคนจน คลองโอ่งอ่าง ทวงคืนผืนป่า (จับชาวบ้านติดคุกไปเท่าไหร่) แก้ประมงผิดกฎหมาย (ไม่รู้หรือว่าธุรกิจประมงฉิบหายขนาดไหน)
สะท้อนว่าประยุทธ์และคนใกล้ชิดก็ร้อนรนอยู่เหมือนกัน ระดมขุนพลพร้อมพรั่ง ระดับมันสมองทั้งนั้น เสกสกล ธนกร สิระ
ส่วนที่ประชาชนรอฟัง ไม่เกี่ยวกับคำถาม คือประยุทธ์ลุกขึ้นตอบเอง หลังจากเก็บปากมาเป็นสิบ ๆ วัน ได้คำคมว่อนโลกออนไลน์ “ผมสวดมนต์ทุกวัน เพราะฉะนั้นผมจะไม่ทำอะไรผิด” ไม่รู้เกี่ยวกันตรงไหน ฝ่ายค้านถามไม่ตรงคำตอบ
ประชาชนต่างหากที่ต้องสวดมนต์ เพื่อเอาตัวรอดใต้รัฐบาลนี้ ช่วยเหลือตัวเองให้รอด ไม่ว่าโควิดหรือเศรษฐกิจ
เหมือนการคลายล็อก เปิดห้าง เปิดร้านอาหาร หรือเปิดโรงงาน ตามมาตรการครอบจักรวาล ผู้ประกอบการก็ต้องซื้อชุดตรวจ ATK หรือซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มมาฉีดให้พนักงานเอง ไม่งั้นก็ต้องวิ่งเต้นเส้นสาย เพื่อให้ได้วัคซีนฟรี โดยอาศัยเครือข่ายการเมือง
วิกฤตโควิดแม้ผ่านจุดพีค ตัวเลขลดลง แต่หลังคลายล็อกหลายคนก็กังวล เช่นโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ เกรงว่าจะไม่พ้นโควิดระลอก 5
นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนก็รู้ เปิดห้าง เปิดร้านอาหารมีความเสี่ยง แต่ทำไงได้ ไม่งั้นตายเพราะเศรษฐกิจยิ่งกว่าโควิด ก็ขึ้นกับมาตรการรองรับ เช่น เร่งฉีดวัคซีนปูพรม ตรวจเชื้อคัดแยกเข้า HI CI ปัญหาคือรัฐไทยมีประสิทธิภาพพอหรือไม่ วัคซีนแม้มีมากขึ้น แต่คนฉีดสองเข็มแค่ 7 ล้านกว่าคน ซิโนแวค 2 เข็มก็ต้องได้เข็ม 3 ประธานรัฐสภายังบอกว่าอย่าด้อยค่าวัคซีนจีน จะกระทบความสัมพันธ์
เศรษฐกิจข้างหน้าก็น่ากลัวมาก แม้โควิดลด คลายล็อก ดูดีระยะสั้น ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้ว่าตัวเลขว่างงาน พักงาน กักตัวขาดรายได้ช่วงโควิดน่าจะสูงถึง 3.4 ล้านคน พืชผลการเกษตรราคาตกหมด แต่ปุ๋ยแพงขึ้น รายได้ครัวเรือน 2563-2565 อาจหายไปถึง 3 ล้านล้านบาท ขณะที่การนำเงินไปลงทุนต่างประเทศก็สูงขึ้น เพราะคนมีเงินมองเห็นแล้วว่าประเทศไร้อนาคต
หลังโควิด ความเหลื่อมล้ำจะยิ่งสูงขึ้น จะยิ่งเป็นปมขัดแย้งรุนแรงในสังคมไทย นี่ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ ที่แค่ขัดแย้งทางการเมือง ไล่รัฐบาล ครั้งนี้ความขัดแย้งรวยจนจะรุนแรงด้วย
โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ถูกมองว่าใกล้ชิดรัฐบาล รีบถอยห่างเคลียร์ตัวเอง ไม่งั้นจะถูกต่อต้านหนักกว่านี้