คาใจค่าส่วนต่างซิโนแวค

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลุกขึ้นชี้แจงท่อนหนึ่ง “ผมพูดจากหัวใจของผม ผมพูดจากสมองที่ว่าน้อยของผม แต่อย่าลืมว่า ผมมีประสบการณ์ 6-7 ปี”


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลุกขึ้นชี้แจงท่อนหนึ่ง ภายหลังคำอภิปรายของประเสริฐ จันทรรวงทอง และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวศว่า “ผมพูดจากหัวใจของผม ผมพูดจากสมองที่ว่าน้อยของผม แต่อย่าลืมว่า ผมมีประสบการณ์ 6-7 ปี” และ“ตรงนี้คือความแตกต่าง ที่ผมอาจมีความรู้มากกว่าท่าน ที่เป็นแค่อดีต ผบ.ตร. ส่วนผมเป็นนายกรัฐมนตรีนะ”

ครับ เชื่อเลยครับว่า ตรรกะหรือหลักคิดของพล.อ.ประยุทธ์เป็นตรรกะพิเศษเฉพาะตัวที่แปลกจริง ๆ คือพูดไปได้เรื่อย ๆ อาทิ ยกตัวเองเหนือกว่าเป็นนายกฯ ส่วนคู่กรณีเป็นแค่อดีต ผบ.ตร. ส่วนประเด็นเนื้อหาที่สำคัญ กลับไม่ได้รับคำชี้แจง อาทิ ส่วนต่าง “ซิโนแวค” 2 พันล้านบาท ทำไมละเลยไม่ชี้แจง

เรื่องใหญ่มากนะครับ สิ่งที่เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นำเอกสารลับจากกระทรวงสาธารณสุขออกมาแฉโพยกลางสภาถึงรายการซื้อวัคซีนซิโนแวคว่า มีราคาที่ต่างกันมาก ระหว่างราคาที่ครม.อนุมัติจัดซื้อและราคาที่ซื้อจริง ซึ่งมีราคาต่ำกว่าที่ครม.อนุมัติเป็นอันมาก

ราคาที่ ครม.อนุมัติซื้อครั้งที่ 1 ราคาโดสละ 17 เหรียญสหรัฐฯ ราคาที่บริษัทขายให้จริงยังคงเท่ากับราคาที่ ครม.อนุมัติ แต่พอการจัดซื้อครั้งที่ 2 เป็นต้นไป ก็เริ่มพบความผิดปกติ โดยราคาที่ ครม.อนุมัติยังคงยืนราคา 17 เหรียญฯ แต่ราคาซื้อจริงลดลงมาเหลือแค่ 15 เหรียญฯ

ครั้งที่ 3 ราคา ครม.ก็ยังคงที่ 17 เหรียญฯ ราคาซื้อจริงก็ลดลงมาอีกเหลือ 14 เหรียญ ครั้งที่ 4 ราคา ครม.เท่าเดิม แต่ราคาซื้อจริงลดลงมาอีกเหลือ 9.5 เหรียญฯ และครั้งที่ 5 ราคา ครม.ยังคงเท่าเดิม แต่ราคาซื้อจริง ก็ลดลงมาอีกเหลือ 8.9 เหรียญฯ

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทองสรุปว่า ครม.อนุมัติการจัดซื้อซิโนแวคทั้งหมด 5 ครั้ง คิดเป็นเงิน 331.5 ล้านเหรียญฯ คิดเป็นเงินบาท 10,846.68 ล้านบาท แต่ราคาที่ซื้อจริงเพียง 287.364 ล้านเหรียญฯ คิดเป็นเงิน 8,748.15 ล้านบาท

ส่วนต่างในการจัดซื้อทั้งสิ้น 2,098.529 ล้านบาท หายไปไหน!

พล.อ.ประยุทธ์ก็ตามเคย เรื่องที่คอขาดบาดตาย ไม่สนใจตอบหรอก สนใจตอบแต่เฉพาะเรื่องปลีกย่อยและการเหน็บแนม ตอบข้อคาใจในสภา แต่เพียงว่า “ให้ไปเอาใบเสร็จมา”

ก็นี่ไงเล่าใบเสร็จ! ยังจะมาเรียกหาใบเสร็จใบอื่นอีกทำไมเล่า

นายกฯ จะตอบให้ชื่นใจสักหน่อยว่า “ขอบคุณครับ ผมจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ดู แล้วจะมาแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบ” ก็ได้นี่นา และเวลาอภิปรายก็ยังเหลืออยู่ตั้งอีก 3 วันครึ่ง มาแจ้งข้อข้องใจข้อนี้ภายหลัง ก็ยังทันเหลือเฟือ แต่นายกฯ ก็ไม่ทำ

เพียงแค่ไปถามอธิบดีกรมควบคุมโรคว่า ทำไมไปทำสัญญามีส่วนต่าง และกรมควบคุมโรคเบิกจ่ายบริษัทจีนตามราคาครม.หรือราคาซื้อจริง และข้อที่ 2 กรณีมีส่วนต่าง ส่วนต่างนั้นไปอยู่ไหน และจะส่งมอบส่วนต่างนั้นกลับคืนคลังอย่างไร

กระทรวงสาธารณสุขก็ดูจะร้อนใจจากเผือกร้อนชิ้นนี้เหมือนกัน พอนายกฯ ไม่ตอบ และ รมว.สาธารณสุขไม่ตอบ ก็พาอธิบดี-ผอ.ไปช่วยตอบนอกสภา โดยยืนยันว่าไม่มีส่วนต่างแน่นอน แต่อธิบดีบางคนก็พูดย้อนแย้งว่ามี แต่เก็บรักษาไว้เป็นอันดี ไม่มีใครยักย้ายถ่ายเทไปได้

เอ๊ะ! เรื่องนี้มันยังไง

เรื่องวัคซีนซิโนแวค ไม่อยากจะเชื่อว่า มีกระบวนการหาผลประโยชน์จากการค้าความตาย แต่การเปิดเผยหลักฐานหลัง ๆมา ชักจะมีเหตุชวนสงสัยมากยิ่งขึ้นทุกที

เริ่มแต่แรกแล้ว ที่ อย.ไทย ให้การรับรองทะเบียนยาซิโนแวคก่อนการรับรองของ อย.จีนเสียอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการรับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ซึ่งมาช้ากว่า อย.ไทยเป็นอันมาก

ข้อสังเกตประการต่อมา คือมีราคาที่แพงมาก โดสละ 17 เหรียญฯ หรือ 561 บาท ขณะที่แอสตราเซเนกาโดสละ 4 เหรียญฯ หรือ 132 บาทเท่านั้นเอง หรือไฟเซอร์ที่ ครม.อนุมัติหมาด ๆ ก็แค่โดสละ 474.50 บาทเอง

ประการต่อมา คือความพิสมัยรักชอบซิโนแวคเสียเหลือเกิน แม้กระทั่งว่า มีผลพิสูจน์ทางการแพทย์มาเป็นที่เรียบร้อยและการยอมรับจากอาจารย์หมอบางคนเช่น นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภามาเรียบร้อยแล้วว่า ซิโนแวค ไม่มีประสิทธิภาพป้องกันโควิดกลายพันธุ์เช่นเชื้อเดลต้าได้

แต่ก็ยังมีการสั่งซิโนแวคเพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 10 ล้านโดส

ประการสุดท้ายเลยที่จะตอบข้อสงสัยทั้งหมด ก็คือ การจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค ไม่ใช่การจัดซื้อแบบ “จีทูจี” ที่รัฐบาลไทยซื้อจากรัฐบาลจีนกันหรอกนะครับ แต่เป็นการซื้อผ่านบริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง

ถ้าเป็นการจัดซื้อแบบ “จีทูจี” ก็ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีนำเข้า แต่เมื่อซื้อผ่านเอกชนก็ต้องจ่ายภาษีครบ ถึงเป็นวัคซีนที่ซื้อแพงกว่าเพื่อนบ้านไง

นอกจากนี้ ยังเปิดช่องให้มีค่าส่วนต่าง ค่านายหน้า หรือเงินทอนได้ง่ายดาย ถึงบางอ้อกันหรือยังครับ

Back to top button