ไม่ไว้วางใจจีน
ควันหลงอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพจสถานทูตจีนโดนทัวร์ลง หลังแถลง“คัดค้านการกล่าวหาวัคซีนจีนโดยไร้เหตุ” ไม่พอใจ Sinovac โดน “ด้อยค่า-ใส่ร้าย”
ควันหลงอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพจสถานทูตจีนโดนทัวร์ลง หลังแถลงแข็งกร้าว “คัดค้านการกล่าวหาวัคซีนจีนโดยไร้เหตุ” ไม่พอใจ Sinovac โดน “ด้อยค่า-ใส่ร้าย”
แม้มีคนดังที่อ้างตนเป็นชาตินิยม ไปก้มกราบขออภัย ละอายใจแทน แต่กระแสโต้กลับส่วนใหญ่คือ “เสือกอะไรด้วย” ไทยเป็นเมืองขึ้นจีนหรือ
จีนให้วัคซีนฟรีหรือ จีนขายให้รัฐบาลไทย ไม่ว่าประเทศไหนขายสินค้าให้เรา เจ้าของเงินต้องมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าสินค้าจีน ยุโรป อเมริกัน ถ้ามันห่วยก็ต้องด่าได้หมด
ผลวิจัยทั่วโลกก็ตรงกัน Sinovac ประสิทธิภาพต่ำสุด ต่ำกว่า Sinopharm ด้วยซ้ำ แต่รัฐบาลไทยสั่งจองวัคซีนช้า แทงม้าตัวเดียว AstraZeneca ณ Siam Bioscience ทั้งที่ Pfizer เสนอขาย COVAX เสนอให้เข้าร่วม ก็โยนข้อเสนอทิ้งอ่าวไทย พอโควิดระบาดค่อยหน้ามืดสั่งซื้อ Sinovac กันตาย สาธารณสุขยังแถได้ SV+AZ วิเศษสุดในโลก อ้าวแล้วทำไมเดือน พ.ย.-ธ.ค. จะเลิกสั่ง SV จะใช้สูตร AZ+Pfizer
ฝ่ายค้านด่ารัฐบาล ไม่สั่งจองวัคซีนอื่น จอง AZ ก็ทำสัญญาเสียเปรียบ พอเกิดวิกฤตต้องไปคว้า SV ประสิทธิภาพต่ำ บุคลากรทางการแพทย์ฉีด 2 เข็มยังติด ต้องฉีดเข็มสาม mRNA
ฝ่ายรัฐบาลแก้ไม่ตก ก็อ้างว่าอย่าด้อยค่าวัคซีนพี่น้องเป็นเซินเจิ้น แล้วจีนก็ออกมาโต้ฝ่ายค้าน
ไม่รู้ฉลาดระดับไหน ฝ่ายค้านไทยด่ารัฐบาลไทย จีนโผล่หัวมาให้ด่าด้วย เดิมเกมการทูตประสาอะไร หรือไม่แยแสใคร ทำตัวกร่างเป็นพี่ใหญ่
คนไทยก็เลยแซวว่า จีนส่งออกหมดทั้งโควิด วัคซีน และชุดตรวจ ATK ที่มีปัญหากัน ขายในออนไลน์ 1 ล้านชุด 33 บาทเศษ ชนะประมูล อภ. 8.5 ล้านชุด 70 บาท แล้วจีนยอมรับไหมที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลชี้ว่า บริษัท SV มีประวัติติดสินบน อย.จีน
อันที่จริงไม่ใช่แค่วัคซีน แต่จีนเลือกข้างการเมืองไทย เหมือนนโยบายที่ใช้ทั่วโลก คือเสือกหัวไปสนับสนุนรัฐบาลอำนาจนิยม อยู่ตรงข้ามฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หัวอกเดียวกับ โจชัว หว่อง) โดยไม่สนว่าคนรักประชาธิปไตยทั่วโลกจะเกลียดจีนขนาดไหน
เราอยู่ในโลกยุค “มังกือผยอง” จีนเป็นมหาอำนาจที่พยายามแผ่อิทธิพลปลุกชาตินิยม จีนนิยม เพื่อกลบความไม่ลงตัวของระบอบทุนนิยมโดยพรรคคอมมิวนิสต์
ความสำเร็จของจีน (หรือเวียดนาม) อันที่จริงต้องชมว่า มาจากความเข้มแข็งมีอุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งยึดปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษ ใช้เหตุผล เชื่อวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อพระเจ้าองค์ใด (เผด็จการอนุรักษ์นิยมไทยไม่มีทางเลียนแบบได้) สรุปบทเรียนความพินาศฉิบหายในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม ปลดปล่อยพลังทุนนิยมจนเศรษฐกิจก้าวกระโดด
แต่ความเติบโตของเศรษฐกิจเสรีมันขัดแย้งกับระบอบพรรคเดียว พรรคคอมมิวนิสต์จึงต้องกระชับอำนาจอยู่เสมอ ทั้งกวาดล้างในพรรค ทั้งปราบคนเห็นต่าง และพยายามสร้างความพึงพอใจให้คน 1.4 พันล้าน
ล่าสุดก็ปลุกกระแส “ปฏิวัติอีกครั้ง” ลดความเป็นทุนนิยม ดึงสังคมนิยมกลับมามากขึ้น ควบคุมกลุ่มไฮเทค-ตลาดทุน กระจายความมั่งคั่ง ลดเหลื่อมล้ำ สกัดกั้นวัฒนธรรมฟุ้งเฟ้อ กวาดล้างดาราไอดอลตัวร้าย จำกัดเวลาเล่นเกมออนไลน์ ล้างบางกวดวิชา ยกระดับการศึกษา สาธารณสุข ที่อยู่อาศัย ฯลฯ
มองมุมหนึ่งก็ดีนะ ประชาธิปไตยตะวันตกทำอย่างนี้ไม่ได้ (อนุรักษ์นิยมไทยซ้ำร้ายยิ่งเผด็จการยิ่งเหลื่อมล้ำ) แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็มีต้นทุนสูง ทั้งการรวบอำนาจไว้ในมือสี จิ้นผิง (ผู้นำตลอดกาล) ทั้งการปลุกระดมกวาดล้าง แม้คงไม่เท่ายุคปฏิวัติวัฒนธรรมก็จะสร้างความขัดแย้งหวาดกลัวชะงักงัน
ที่สำคัญคือนโยบายต่างประเทศยุคสี จิ้นผิง ปลุกชาตินิยม ให้คนจีนคลั่งชาติ ระบอบพรรคเดียวจะทำให้จีนเป็นมหาอำนาจ จีนจะครองโลก จึงมีท่าทีแข็งกร้าวและกร่างกว่าผู้นำคนก่อน ๆ
ซึ่งเป็นอันตราย ทั้งต่อระบบโลกและต่อจีนเอง