พักตัว ยังไม่จบรอบขาขึ้น
SET เคลื่อนไหวไซด์เวย์ตลอดวันเมื่อวานนี้ดัชนีอยู่ในแดนบวกและลบสลับกันไปตามคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ก่อนจะปิดตลาด
SET เคลื่อนไหวไซด์เวย์ตลอดวันเมื่อวานนี้
ดัชนีอยู่ในแดนบวกและลบสลับกันไปตามคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ก่อนจะปิดตลาด ดูทรงของกราฟรายวัน ดูหุ้นที่ถูกขาย และถูกซื้อ พอจะมองออกเลยว่า นักลงทุนสถาบันกับต่างชาติ ยอดน่าจะขายสุทธิ
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
ดัชนีที่ปิดลบเพียง 1.96 จุด เหนือแนวรับ 1,645 จุด
สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยยังแกร่ง
ส่วนดัชนีที่ปิดลบ เป็นเพียงการ “พักตัว” หลังจากวิ่งขึ้นมาต่อเนื่อง
แต่การพักตัวครั้งนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นการจบรอบขาขึ้นนะ
จากการประเมินของบรรดาเซียนนักวิเคราะห์ ต่างมองว่า ดัชนีถูกดันขึ้นไปได้อีก
จากสัญญาณเทคนิคของวานนี้ หุ้นในกลุ่ม SET50 บวกกับ SET100 แม้จะผ่านจุดต้าน และส่งสัญญาณเกิดการ “กลับตัว” ไปแล้ว แต่ยังมีข้อแม้ว่า หากดัชนีปิดตลาดลงไม่ลึก
แนวรับ 1,645 รับได้ ส่วนแนวต้าน ไม่เกิน 1,660 จุด
และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
ทำให้แนวโน้มวันนี้หรือ 1-2 วันนี้ ดัชนีจะถูกดันขึ้นไปอีก จากหุ้นในกลุ่ม SET50 และ SET100 ที่ยังแลกการ์ด
ปุจฉา มีคำถามว่า ข่าวการเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมทั้งยุบ ศบค.
มีผลต่อตลาดหุ้นแค่ไหน
วิสัชนา ถือเป็น sentiment เชิงบวกกับตลาดหุ้นแน่นอน
แต่เข้าใจว่า ทั้งนักลงทุนสถาบัน (กองทุน) และฟันด์โฟลว์ น่าจะพอรับทราบข่าว หรือประเมินเหตุการณ์เหล่านี้ล่วงหน้าไว้แล้ว
ข้อสังเกตก็คือ ช่วงที่ดัชนีลงไปลึกสุดในวิกฤตโควิดรอบล่าสุด 1,512 จุด นั้น (16 ส.ค.)
คือจุดเริ่มต้นของแรงซื้อทั้งกองทุน และฟันด์โฟลว์
นักลงทุนทั้งสองกลุ่ม เข้าซื้อหุ้นใน SET50 มาต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีวิ่งขึ้นจากระดับ 1,512 จุด มาอยู่บริเวณ 1,650 จุด +/-
หรือในช่วงประมาณ 3 สัปดาห์
SET วิ่งจาก 1,512 จุด มาที่ 1,650 จุด หรือบวกกว่า 130 จุด เปลี่ยนแปลง +9%
แม้ระหว่างทางทั้งกองทุน และฟันด์โฟลว์จะมีขายออกมาบ้าง
แต่จะเห็นว่าวันที่ขายสุทธิออกมา จะมีจำนวนขายเพียงหลักไม่กี่ร้อยล้านบาท
แตกต่างจากวันที่ซื้อ ที่จะซื้อเป็นหลักหลายพันล้านบาท
เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ (6 ก.ย.) ที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมาเพียง 991 ล้านบาท แต่กองทุนอาจจะขายออกมามากซักหน่อยคือ 1,965 ล้านบาท
แต่ภาพรวมในรอบ 14 วัน กองทุนยังซื้อกว่า 1 หมื่นล้านบาท
และในรอบ 30 วัน ซื้อสุทธิประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท
จากข้อมูลตรงนี้ ทำให้พอคาดเดาได้ว่า นักลงทุนสองกลุ่มนี้น่าจะพอรับทราบข่าวเกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และมีการประเมินสถานการณ์โควิดในประเทศแล้วล่ะ โดยอาจเทียบเคียงกับข้อมูลของต่างประเทศ
ทำให้วานนี้ อาจจะมีขายทำกำไรจากข่าวดังกล่าวออกมาบ้าง
ประกอบกับเป็นจังหวะ “พักตัว” ของ SET พอดี
เมื่อวานนี้ สภาธุรกิจตลาดทุน หรือ FETCO บอกว่า ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนเริ่มกลับมา “ร้อนแรง”
สะท้อนว่า นักลงทุนเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นมากขึ้น หลังสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศเริ่มดีขึ้น
FETCO มองดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของปีนี้อยู่ที่ 1,650 จุด +/-
อัพไซด์จากตรงนี้ถึงปลายปีไม่มาก
ส่วนดาวน์ไซด์ก็ไม่เยอะ
แต่ตอนนี้นักลงทุนมองไปถึงปี 2565 ซึ่ง FETCO คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะไปแตะ 1,800 จุด
หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดธนาคาร (BANK)
หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)
ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ แผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์โควิด-19 และปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกปัจจุบัน