LANNA หลงกลิ่นถ่านหิน
ถ้าพูดถึง LANNA นักลงทุนหลายคน โดยเฉพาะในยุคอะนาล็อก จะนึกถึงถ่านหิน ซึ่งกลายเป็นภาพจำของหุ้นตัวนี้ไปแล้ว...
ถ้าพูดถึงบริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA นักลงทุนหลายคน โดยเฉพาะในยุคอะนาล็อก จะนึกถึงถ่านหิน ซึ่งกลายเป็นภาพจำของหุ้นตัวนี้ไปแล้ว…
ในแง่ของผลประกอบการก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ตามราคาถ่านหินนั่นแหละ…
อ้อ…แต่หุ้นตัวนี้จัดเป็นหุ้นปันผลงาม ยีลด์สู๊งสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 8-9% ต่อปีเลยทีเดียว
ทว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะไม่เห็น LANNA ไดเวอซิไฟธุรกิจ แตกไลน์ไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ เลย จะเห็นก็แค่การ Spin-Off บริษัทลูกอย่างบริษัท ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TAE ซึ่งทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เท่านั้น
เรียกว่า LANNA แทบไม่แตกแถวให้เห็น ยังผูกติดอยู่กับถ่านหินมาโดยตลอด…
แต่ถ้าไปดูคู่เทียบธุรกิจถ่านหินเบอร์ใหญ่อย่าง บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ซึ่งมีเหมืองถ่านหินในต่างประเทศ ประกาศชัด พอแล้วสำหรับธุรกิจถ่านหิน ไม่ลงทุนเพิ่มแล้ว แต่จะหันไปลงทุนธุรกิจอื่น ๆ ทั้งธุรกิจก๊าซ และไฟฟ้า มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากถ่านหิน
ฟากบริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ซึ่งเป็นเทรดดิ้งถ่านหิน เน้นขายตลาดในประเทศ ก็พยายามปรับตัว ไปแสวงหารายได้อื่น ๆ รุกไปสู่ธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรเหมือนกัน
ขณะที่ LANNA ซึ่งมีทั้งเหมืองถ่านหิน และเทรดดิ้ง กลับไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ยังสาละวนอยู่กับธุรกิจถ่านหิน…
ล่าสุดก็เข้าไปลงทุนเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียของ PT. PESONA KHATULISTIWA NUSANTARA (PKN) สัดส่วน 10% มูลค่าเงินลงทุน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เป็นการปรับแผน จากเดิมตั้งใจจะลงทุนสัดส่วน 40% มูลค่าเงินลงทุน 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่จากสถานการณ์โควิดที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก เลยลดการลงทุนเหลือ 10% แทน)
โดย PKN ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายถ่านหิน ได้รับสัมปทานเหมืองถ่านหินจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ที่เมืองบูลุงงัน จังหวัดกาลิมันตันเหนือ เป็นระยะเวลา 30 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2552-2582 มีปริมาณสำรองถ่านหินในเชิงพาณิชย์ประมาณ 65 ล้านเมตริกตัน โดยได้ผลิตถ่านหินออกจำหน่ายแล้วตั้งแต่ปี 2552 ถึงปัจจุบันจำนวน 29 ล้านเมตริกตัน คงเหลือปริมาณสำรองถ่านหินอีก 36 ล้านเมตริกตัน
จึงเปรียบเสมือน LANNA ยังหลงกลิ่นถ่านหิน..!!
โอเค..ช่วงนี้อาจยังหอมกลิ่นถ่านหินอยู่ จากซัพพลายที่หายไป ในขณะที่ดีมานด์ยังเท่าเดิม ทำให้ราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่า ราคาถ่านหินตลาดโลกจะทรงตัวสูงยืนเหนือ 170 เหรียญสหรัฐต่อตันยาวไปจนถึงสิ้นปี
เป็นที่มาที่ทำให้ผลประกอบการของ LANNA ในปีนี้ออกมาดูดี ครึ่งปีแรกตุนกำไรไว้แล้ว 565 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 212 ล้านบาท
แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เนื่องจากถ่านหินแนวโน้มการใช้จะค่อย ๆ ลดลง ในอนาคตจะถูกลดทอนลง จะมีพลังงานอื่นเข้ามาทดแทน โดยเฉพาะก๊าซ…ทำให้ความต้องการไม่โต ประกอบกับกระแสโลกาภิวัตน์สิ่งแวดล้อม ก็จะทำให้ถ่านหินด้อยค่าลง
ดังนั้น หาก LANNA ยังไม่ปรับตัว แม้ยังอยู่ได้ แต่ขอบเขตในการโตจะมีข้อจำกัดมากขึ้น
ก็น่าคิดนะว่า หาก LANNA ยังหลงกลิ่นถ่านหินอยู่เช่นนี้ ก็อาจถอนตัวไม่ทัน ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต…
ถึงเวลานั้น LANNA อาจต้องฟังเพลงนี้ย้อมใจแล้วล่ะ…
…“กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง…เหมือนมีอะไรที่ดึง ไม่ให้เราเลือกทางใด”…
…อิ อิ อิ…