ขายเพื่อปรับฐาน
คงไม่มีเรื่องไหนที่ตื่นเต้นเร้าใจเท่ากับเรื่อง “ลดคิวอี” และท่าทีของเฟดที่มีต่อการ “ขึ้นดอกเบี้ย” เพราะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกับการขึ้นลงของดัชนี
* หากมองข้อมูลที่มาแรงสุด และเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก ณ เวลานี้ คงไม่มีเรื่องไหนที่ตื่นเต้นเร้าใจเท่ากับเรื่อง “ลดคิวอี” และท่าทีของเฟดที่มีต่อการ “ขึ้นดอกเบี้ย” เพราะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับการขึ้นลงของดัชนี และยังทำให้ตลาดหุ้นตกอยู่ในสถานการณ์แกว่งตัวรอข่าวอย่างใจจดใจจ่อ ผนวกกับในวงการตลาดเงินตลาดทุนเกิดเสียงแตกกันเสียก่อน จึงไม่แน่ชัดว่า ตลาดหุ้นไทยจะโดนหางเลขแบบไหนเจ้าค่ะ
* เนื่องจากบางส่วนมองว่า เร็วเกินไปที่จะเกิดเอฟเฟ็กต์จริง ๆ แต่อีกบางส่วนก็มองว่า ตลาดหุ้นซึมซับข่าวดังกล่าวมาระดับหนึ่ง “โมนิก้า” จึงขอสรุปให้ทุกท่านทราบว่า ปลายทางของเรื่องนี้คือ หุ้นไทยโดนขายอยู่ดี! แต่จะมีแรงซื้อเข้ามาพยุงดัชนีตอนที่ร่วงลงมาหนัก ๆ จึงไม่ต้องกังวลกับอาการ hard landing แบบไม่ทันตั้งตัว เพราะตลาดหุ้นไทยมีสตอรี่สวย ๆ ให้น่าติดตามเยอะแยะไปหมด แถมแต่ละเรื่องก็สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหุ้นเสียด้วยแบบนี้..กลัวทำไมจ๊ะ
* ยิ่งวานนี้เห็นดัชนีกำลังจะทิ้งตัวลงแรง แต่สุดท้ายก็สามารถยันไว้ได้ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,640.45 จุด บวกไป 4 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.99 หมื่นล้านบาท ยิ่งทำให้ตลาดหุ้นไทยสตรองสุด ๆ ในสายตาคนที่อ่านแท่งเทียนออก “โมนิก้า” ถึงอยากเห็นการทดสอบแรงขายแบบจัดหนักอีกวันสองวัน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า แนวรับที่ยกตัวสูงขึ้นบริเวณ 1,620 จุดก็เอาอยู่..ไม่จำเป็นต้องลงไปถึง 1,600 จุดหรอกจ้า!
* สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้น GULF ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเป๊ะ ๆ “โมนิก้า” เลยไม่กังวลกับการย่อตัวลงมาปิดที่ 41.75 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.59 พันล้านบาท เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นมีแต่คำว่า “อัพแวลู” และในอนาคตก็คงมีการปรับราคาเป้าหมายขึ้นอีก จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการลงทุนในทุกสภาวะ..ไม่เชื่อลองถาม “เฮียกลาง” ก็ได้นะนายจ๋า!
* เม้าท์ถึงประเด็นเชื่อขนมกินขึ้นมาทั้งที ทำให้เดี๊ยนมองไปที่หุ้นลังกระดาษ SCGP แบบไม่ลังเลใจ เพราะแรงขายที่กดหุ้นจากระดับ 71.50 บาท ลงมาเรื่อย ๆ จนทำจุดต่ำสุดบริเวณ 64.75 บาท แต่วานนี้เด้งกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ67.25 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 3.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.62 พันล้านบาท มันเป็นภาพของการปรับฐานเพื่อทะยานขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิม จึงควรตามเกมให้ทันนะคะ
* คล้ายกับเรื่องที่ปูนใหญ่ส่งบริษัทลูกเข้าไปถือหุ้นใหญ่ในบริษัท TEAMG พร้อมกับแบให้เห็นต้นทุนในการซื้ออยู่ที่ระดับ 2.54 บาท ก็คาดเดาเป้าใหม่ได้ทันที (หุ้นมักขึ้น 40% เมื่อมีทุนใหม่เข้ามา) และหนึ่งในเรื่องที่มีการเม้าท์ถึงเยอะสุด ๆ ก็คือ เขื่อนลาว “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินข้อมูลที่เล่าให้ฟังมีน้ำหนักไหม? และอยากให้มองการยืนปิดที่ 2.76 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 12.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 543 ล้านบาท น่าเล่นสุด ๆ ไหมล่ะคะ
* ตัวอย่างที่เห็นได้ใกล้ตัวสุดคือการวิ่งของหุ้น U หลังประกาศชัดจะโตอย่างมีคุณภาพ ราคาหุ้นก็พุ่งจากฐาน 1 บาทขึ้นมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ขึ้นมายืนปิดที่ 1.94 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 12.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.76 พันล้านบาท มันคือเกมหุ้นที่เล่นล่วงหน้า 6 เดือน และหวังผลได้ในเชิงทฤษฎีทางการเงิน “โมนิก้า” ถึงเชื่อเหลือเกินว่า เกมนี้จะเล่นกันอีกนาน และจะทยอยปล่อยทีเด็ดออกมาอีกแน่ ๆ..ไม่เชื่อลองถาม “เควิน” ดูก็ได้พะยะค่ะ
* ส่วนหุ้นร้อนที่กลายเป็นที่โจษจันในหมู่นักเดย์เทรด คงต้องยกพื้นที่ให้กับหุ้นผีบอกฟอร์มจัดจ้านอย่าง BAFS แต่เพียงผู้เดียว หลังแมงลือเม้าท์กันให้แซ่ดว่า ทุนใหญ่ในประเทศเตรียมเข้ามาร่วมทุนเท่านั้นแหละ! ราคาหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 30 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 659 ล้านบาทในทันที พร้อมกับทิ้งให้เป็นปริศนาสำหรับชาวหุ้นต่อไปว่า ดีลทิพย์อ่ะป่าว?..อิอิอิ
* ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเป็นกังวลกับการทะยานขึ้นของหุ้น INGRS ขึ้นมาทันที หลังเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 1.04 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 279 ล้านบาท ทั้งที่ยังไม่เห็นอะไรเป็นเนื้อเป็นหนัง รวมทั้งการนำสตอรี่เทิร์นอะราวด์มาปัดฝุ่นเล่นใหม่ ก็ขัดลูกหูลูกตามากเหลือเกิน (ขาดทุนสองปีติด แถมครึ่งแรกปี 2564 ก็ขาดทุนอีก) จึงอยากเตือนว่า ถ้าคิดจะเล่นก็ต้องเผื่อเจ็บตัวไว้บ้างนะคะ