ECL มุมมองใหม่สู่ราชาเงินผ่อน
ธุรกิจปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มผู้ใช้มอเตอร์ไซค์เป็นธุรกิจที่ไม่เคยตาย แต่ก็มีความยุ่งยากในปัญหาการแข่งขัน และการควบคุมคุณภาพของสินเชื่อ
ธุรกิจปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มผู้ใช้มอเตอร์ไซค์เป็นธุรกิจที่ไม่เคยตาย แต่ก็มีความยุ่งยากในการทำกำไร เพราะปัญหาการแข่งขันที่เข้มข้น และการควบคุมคุณภาพของสินเชื่อ หรือเรื่อง NPL
หลายปีก่อนสองพี่น้องพเนจรจากญี่ปุ่นนามสกุล โคโนชิตะ ทำให้ราคาหุ้นของ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ที่อ้างว่ามีนวัตกรรมปล่อยสินเชื่อธุรกิจนี้ในกัมพูชาเติบโตเกินกว่าปีละ 100% พุ่งกระฉูดเกินกว่า 100 บาทยาวนานเล่นราคาเพลิดเพลินรายรอบ จนกระทั่งผู้สอบบัญชีออกมาตั้งคำถามชวนสงสัย แล้วตามด้วยธุรกรรมแปลก ๆ จนท้ายสุดเป็นข่าวการปั่นหุ้นข้ามชาติที่เหนือชั้นของนักต้มตุ๋นธรรมดา
ตำนานของ GL สร้างรอยด่างให้กับธุรกิจนี้แต่ก็ทำให้ตลาดคุ้นเคย กับ บจ.ที่ทำธุรกิจนี้อย่างรวยเงียบมากขึ้น โดยเฉพาะ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ซึ่งคงกระพันมายาวนาน
สำหรับ บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECL เป็นบริษัทเก่าแก่แต่รุกเข้ามาในตลาดนี้ไม่นาน หลังจากเปลี่ยนผู้ถือหุ้นจากญี่ปุ่น PSF ที่มีประสบการณ์สินเชื่อรถมือสองมายาวนาน แต่ผลประกอบการยังขึ้น ๆ ลง ๆ มีกำไรสะสมบางมาก และยังต้องพึ่งพาเงินกู้ระยะสั้นบางส่วนมาหมุนเวียน
ปีนี้ในไตรมาสแรก ECL มีกำไรสุทธิกระโดดขึ้นอย่างมาก สอดรับกับสไตล์การทำธุรกิจที่เชิงรุกมากกว่าโดยมีกำไร 56 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนมากถึง 108% และกำไรมากกว่าระยะเดียวกันปีก่อนมากถึง 401%
กำไรที่โดดเด่นอย่างมากของบริษัทนี้ ทำให้เกิดมุมมองแตกออกเป็นสองด้านจากนักวิเคราะห์ ที่มองว่าให้ซื้อเพราะอัตรากำไรสุทธิที่มากกว่า 30% ถือว่าดีที่สุดในรอบ 5 ปี กับมุมมองตรงกันข้ามที่ว่ากำไรที่กระโดดขึ้นมากเกิดจากทางเทคนิคของการกลับสำรองหนี้ราว 32 ล้านบาท เพราะการเรียกเก็บหนี้ดีขึ้น แต่ไตรมาสถัด ๆ ไปอาจจะทำให้กำไรสุทธิลดลงได้ เพราะการตั้งสำรองหนี้เพิ่มขึ้นอาจอ่อนตัว โดยอ้างว่า กำไรปกติก่อนการกลับสำรองอ่อนตัวลงมากถึง 46% ของระยะเดียวกันปีก่อน อาจจะกดดันให้อัตรากำไรสุทธิต่ำลง
เสียงที่ต่างกัน ทำให้คำชี้แนะของนักวิเคราะห์ไม่ไปทิศทางเดียวกัน โดยมีทั้งแนะให้ซื้อที่ราคาเป้าหมายเหนือ 2.50 บาท เพราะว่าเชื่อมั่นในความสามารถติดตามหนี้ของบริษัทนี้ กับ แนะให้ขายเพราะราคาปัจจุบันเหนือ 2.00 บาทถือว่าเต็มมูลค่าแล้ว
มุมมองที่ต่างกันชนิดสุดขั้วของนักวิเคราะห์ “ขาทุบ” กับ “ขาโลกสวย” คงต้องพิสูจน์ในงบการเงินไตรมาสสองเป็นหลักซึ่ง ECL ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นของจริง เพราะกำไรสุทธิยังไปต่อแม้ไม่มีกำไรพิเศษมาช่วย ทำให้กำไรสุทธิครึ่งแรกของปีสวยงาม 33 ล้านบาท
โดยกำไรที่เกิดขึ้นแม้จะไม่ได้มาจากรายได้ที่โดดเด่นนัก แต่การควบคุม NPL จากการเอาความรู้จากญี่ปุ่นที่เริ่มถ่ายทอดตั้งแต่การคัดกรองถึงตามเก็บหนี้ที่ผู้บริหารเน้นกลยุทธ์ การกด NPL ลงเพื่อสะท้อนพฤติกรรมของลูกหนี้คนไทย ให้เหมาะสม
ปลายปีนี้ ECL จะริเริ่มสินเชื่อรถมือสองแลกเงิน ซึ่งเป็นความรู้ที่เคยได้ผลมาแล้วจากตลาดญี่ปุ่น โดยอยู่ในช่วง ขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (รถแลกเงิน) โดยคัดกรองตามรอบ ECL ครบถ้วนข้อดีคือ 1) ไม่มีต้นทุนส่วนเพิ่ม เพราะมุ่งเน้นฐานลูกค้าปัจจุบัน 2) ความเสี่ยงต่ำจากลูกหนี้ที่มีประวัติการผ่านระบบบนของกำหนดสมมติฐาน Loan to value
นักวิเคราะห์ที่เคยตั้งข้อกังขา เลยพากันฟันธง แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคา 2.60 บาท/หุ้น
ราคานี้จะเป็นจริงหรือไม่ อีกไม่นานก็ได้รู้กัน