1,620 เอาอยู่!
นักลงทุนต้องนำข้อมูลดังกล่าวมาประกอบการตัดสินใจตั้งแต่เนิ่น ๆ หลังตลาดหุ้นไทยเหวี่ยงตัวแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้หลายรายเข้าผิดจังหวะกัน
* ข้อมูลอย่างหนึ่งที่ “โมนิก้า” ใช้เป็นแนวทางประเมินความเป็นไปของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ที่ผลงานรวมของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก เพราะเป็นตัวเลขที่ช่วยในการหาจุดเหมาะสมของดัชนีควรอยู่ระดับไหน? ซึ่งเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องนำข้อมูลดังกล่าวมาประกอบการตัดสินใจตั้งแต่เนิ่น ๆ หลังตลาดหุ้นไทยเหวี่ยงตัวแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้แมงเม่าหลายรายเข้าซื้อหุ้นผิดจังหวะไปหมดนะจะบอกให้
* ประเด็นนี้เทียบเคียงได้จากข้อมูลก่อนหน้าที่มีประเมินกำไรต่อหุ้นของตลาดรวมไว้ที่ระดับ 112 บาท ต่อจากนั้นนำมาตั้งสมมุติฐานบนค่า PE 15 เท่าได้เป้าหมายอยู่ที่ระดับ 1,680 จุด ต่อจากนั้นในช่วงกลางปีได้ปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้นลงมาที่ระดับ 105 บาท (เทียบกับพีอี 15 เท่าเหมือนเดิม) ส่งผลให้ระดับเหมาะสมอยู่ที่ระดับ 1,575 จุด ซึ่งเป็นจุดที่เล่นกันตลอดเดือน ธ.ค. 2562 คุณ ๆ ท่าน ๆ จำได้บ่!
* เหล่านี้เป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” อยากให้นักเล่นเริ่มจำลองสถานการณ์ก่อนจะตะลุยเคาะขวาสุดซอย เพราะสมมุติฐานในอดีตที่เห็นเที่ยวนี้เป็นเรื่องการลดจุดเหมาะสมลงมาเรื่อย ๆ และในปลายปี 2564 มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับเพิ่มจุดลงทุนอีกครั้ง เพราะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้น เศรษฐกิจประเทศก็เริ่มฟื้น แถมค่าเงินบาทก็เริ่มทรงตัว (อยู่ในระดับเหมาะสม) เดี๊ยนถึงอยากให้พอร์ตหุ้นมีความยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิม (ถือเงินสด 30% ถือหุ้น 60% กองทุนตราสารหนี้ 10%) น่าจะดีกว่ามั้ง!
* ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้เดี๊ยนมองดัชนียืนปิดที่ 1,625.65 จุด ลบไป 6.05 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.05 แสนล้านบาท คงเป็นเพียงแค่การ “ลงสั้น ๆ” มากกว่า “ลงยาว ๆ” เพราะบริบทของการเล่นหุ้นเที่ยวนี้เต็มไปด้วยเรื่องที่ดีขึ้นเป็นส่วนใหญ่ “โมนิก้า” ถึงชอบดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบยาว ๆ เพื่อกำหนดกรอบการเล่นในแต่ละรอบให้แคบลง ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงได้ดีสุดในห้วงเวลานี้พะยะค่ะ
* ส่วนรายที่ไม่ต้องแคร์อะไรมากเหมือนกับรายอื่น “โมนิก้า” คงให้ความสำคัญกับ JMART มากเป็นพิเศษ เพราะหลังจากปรากฏผนึกพลังทางธุรกิจ บรรดานกรู้ก็กระโจนเข้าใส่มือเป็นระวิง จนราคาหุ้นทะยานจากฐานราคา 30 บาทขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดหุ้นยืนปิดที่ระดับ 48.25 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.12 พันล้านบาท ก็เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ได้ค่อนข้างดีว่า ไฟต์นี้คงเล่นกันอีกนานแน่ ๆ เจ้าค่ะ
* อีกรายที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน แถมมีสตอรี่ growth เป็นตัวเร่งสำคัญ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น TU เป็นรายถัดไปในทันที เพราะการวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 21.80 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.88 พันล้านบาท พร้อมกับพยายามจะทำ new high อีกครั้ง มันเป็นจังหวะที่ยั่วอารมณ์นักเล่นเหลือเกิน ซึ่งเปิดโอกาสให้พวกขาลุยกระโจนใส่กันอีกครั้งนะคะ
* ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงหุ้นที่มีโอกาสไปต่อขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่เจ้าพ่อวางระบบ ILINK เพื่อชี้ให้เห็นว่า เวลานักเล่นหวนกลับเข้ามาเล่นอีกรอบ มักเห็นราคาหุ้นตัวนี้กลับมาโลดแล่นเป็นประจำ แถมเที่ยวนี้เป็นการวิ่งพรวดเดียวทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นไปแบบชิล ๆ เลยเชื่อว่า การขึ้นมาปิดที่ 9.30 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 8.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 234 ล้านบาท ยังมีลุ้นไปได้อีกเมื่อมองเรื่อง growth เป็นหลักนะจ๊ะ
* อีกรายที่ทรงมาค่อนข้างดี แถมเป็นการขึ้นทีละสเต็ป คงต้องชี้เป้าไปยัง CCP เป็นรายถัดมาแบบไม่ลังเล ยิ่งเมื่อวันศุกร์พุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.71 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 373 ล้านบาท ยิ่งทำให้น้องโมลุ้นระทึกเป็นการใหญ่ เพราะหุ้นพยายามทะยานขึ้นไปทดสอบยอดเดิมบริเวณ 0.80 บาท จึงมีลุ้นว่า หุ้นจะไปต่อแบบสวย ๆ เพราะคนเม้าท์เป็นเสียงเดียวกันว่า บริษัทลูกซีแพนเนลช่วยหนุนกำไร..อิอิอิ
* สำหรับอีกหนึ่งกระแสที่มาแรงเหนือความคาดหมาย “โมนิก้า” คงมองไปยังน้องสวย IMH เพื่อชี้ให้เห็นความนิยมในหุ้นยังไม่เสื่อมมนต์ขลัง หุ้นถึงพุ่งพรวดพราดอีกครั้ง ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 15.50 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 6.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 106 ล้านบาทอย่างแข็งแกร่ง บวกกับกระแสข่าวช่วงนี้ออกมาในโทนบริษัทโกยกำไรไม่หยุด จึงน่าจะเห็นการเคาะขวายาว ๆ แน่นอนเจ้าค่ะ