แหกตาปั่นเศรษฐกิจ

โควิดรอบแรก รัฐบาลใช้มาตรการ “ระเบิดภูเขาเผากระท่อม” ปราบโควิดเป็นศูนย์ ล็อกตายประกาศเคอร์ฟิวห้ามเดินทาง เศรษฐกิจพังวายป่วง


โควิดรอบแรก มีคนติดเชื้อ 4,237 คน ตาย 60 คน รัฐบาลใช้มาตรการ “ระเบิดภูเขาเผากระท่อม” ปราบโควิดเป็นศูนย์ ล็อกตายประกาศเคอร์ฟิวห้ามเดินทาง เศรษฐกิจพังวายป่วง

โควิดรอบสอง จากตลาดกุ้งสมุทรสาคร ติดเชื้อ 24,626 คน ตาย 34 คน คราวนี้ไม่ใช้ยาแรง ใช้ Bubble Seal โรงพยาบาลสนาม กักตัวแรงงานต่างด้าว

โควิดรอบสาม ของจริง Delta ติดเชื้อ 1.46 ล้าน ตายไปแล้ว 1.5 หมื่น รัฐล้มเหลวไม่ใช่แค่จัดหาวัคซีนล่าช้า ได้วัคซีนด้อยประสิทธิภาพ จัดสรรวัคซีนสะเปะสะปะ ยุทธศาสตร์รับมือสับสน เช่นกว่าจะจัด HI CI ดูแลที่บ้าน กว่าจะใช้ชุดตรวจ ATK คัดแยกคนติดเชื้อ (แล้วยังไปซื้อชุดตรวจจีนราคาฝรั่ง)

แต่พอโควิดพีคสุดแล้วลดลง ทั้งจากการที่วัคซีนจะช้าอย่างไร ก็มาจนได้ (ซื้อเองด้วย เช่นซิโนฟาร์ม) ทั้งจากการที่คนติดเชื้อไม่มีอาการ (80%) แล้วหายเองมีภูมิคุ้มกัน รัฐบาลก็ตีปี๊บ ขายข่าวดี คลายล็อก เปิดห้างเปิดร้านอาหาร ปั่นความหวังทางเศรษฐกิจ คลายแรงกดดันทางการเมือง

ขนาดยังมีติดเชื้อวันละ 1.2-1.4 หมื่น ตายวันละร้อยกว่า ก็ยังจะเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว ทีแรกจะเปิด กทม.วันที่ 1 ต.ค.นี้ด้วยซ้ำ แต่ผู้ว่าฯ ร้องเฮ้ย ยังฉีดวัคซีนไม่ถึง 70% เลย (ทั้ง ๆ ที่ระดมวัคซีนให้ กทม. อย่างเหลื่อมล้ำน่าเกลียด)

นี่เป็นปฏิบัติการจิตวิทยา ของโจรจับตัวประกัน Stockholm Syndrome ภาคธุรกิจ ประชาชน อึดอัดเต็มที อยากให้คลายล็อก อยากเปิดเศรษฐกิจ อยากใช้ชีวิต ก็ขานรับ สมยอม สมประโยชน์ ช่วยกันขายข่าวดี ช่วยกัน PR หลับตาข้างลืมตาข้าง ที่แล้วก็แล้วกันไป ล้มเหลวฉิบหายวายป่วงก็กลบไว้ข้างหลัง

ความผิดพลาดในรอบแรกที่บ้าจี้ ก็แก้ต่างว่าไม่มีประสบการณ์ ความล้มเหลวในรอบหลัง ก็แถว่าประเทศอื่นแย่กว่าเราตั้งเยอะ แล้วกันไป เดินไปข้างหน้าดีกว่า

สภานายจ้างบอกว่า อย่าเปลี่ยนนายกฯ จะทำให้สถานการณ์แย่ลง การเมืองนิ่งช่วยให้ธุรกิจฟื้นเร็ว ดีสำหรับนายจ้างสิ ดีกับประชาชนหรือเปล่า พูดแบบนี้คงเชียร์ให้ประยุทธ์อยู่ยาวยี่สิบปี

เทคโนแครตที่ไหนไม่ทราบ ร่างคำปราศรัยยัดปากประยุทธ์ จะพลิกโฉมประเทศจากรายได้ปานกลางสู่รายได้สูง จะทำให้บ้านเมืองสงบ คนไทยมีความสุข (ขอเวลาอีกไม่นาน)

โฆษกรัฐบาลอวดอ้างตัวเลข FDI ขยายตัว 43.8% ก็โพนทนาอย่างนี้ทุกปี เพราะ BOI ให้สิทธิประโยชน์แจกแถม จนแทบจะกราบตีนอยู่แล้ว แต่ของจริงคือการลงทุนหนีไปที่อื่นหมด แม้แต่ทุนไทยก็หนีออกนอกประเทศ

รัฐบาลอับจนปัญญา จนต้องออกมติดึงดูดชาวต่างชาติที่มั่งคั่ง 1 ล้านคน มาพักอาศัยหรือทำงานในเมืองไทย ให้สิทธิซื้อบ้านที่ดิน-คอนโด กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์

นับเป็นตลกร้ายในขณะที่คนรุ่นใหม่ไทยที่มีศักยภาพ เปิดเพจ “ย้ายประเทศ” หนีไปทำงาน ไปใช้ชีวิตต่างแดน รัฐไทยกลับต้องดึงดูดต่างชาติมั่งคั่งมาพำนัก

มาตรการนี้เห็นชัด ว่ารัฐไทยจนปัญญาสร้างคนไทยที่มั่งคั่ง ต้องนำเข้าต่างชาติ เพื่อขายแผ่นดิน ขายบริการ ทำให้อสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบริการที่พึ่งพาคนมีรายได้สูง สามารถอยู่ได้ ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่เป็นได้แค่ลูกจ้างก่อสร้าง ซักรีด นำเที่ยว ขายอาหาร (หรือขายบริการกลางคืน)

แต่จะประสบความสำเร็จหรือเปล่าไม่ทราบ แบบเปิดประเทศรับท่องเที่ยว ก็เหมือนภาพลวงตา “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” มากับข่าวโควิดระบาดหนัก แม้ไม่กระทบต่างชาติ แต่ประชาชนทั่วไปเดือดร้อน ปิดตลาด ปิดชุมชน ห้ามคนนอกเดินทาง สรุปคือฝรั่งบินมาได้ คนไทยเข้ายาก ธุรกิจท่องเที่ยวได้อานิสงส์หยิบมือ ธุรกิจย่อยย่ำแย่ แม้แต่ฝรั่งก็อยากบอกเลิก เพราะมาแล้วได้แต่นอนชายหาดโรงแรม ไม่มีผับบาร์สถานบริการ

คอยดูว่ารัฐบาลจะ ปจว.ไปได้ถึงไหน ระยะสั้นพอถูไถ แต่เศรษฐกิจการเมืองภาพใหญ่ไม่มีทางราบรื่นเลย

Back to top button