เสียรังวัด (ตั้งแต่หัววัน)
แฟนคลับส่วนใหญ่คล้อยตามสถานการณ์ชิบ! ทำให้หุ้นใหญ่โดนขายทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย ล้วนเป็นเพราะแนวความคิด และความกังวลในก้นบึ้งหัวใจ
* เดิมที “โมนิก้า” คิดว่า ข้อมูลสถิติที่หยิบยกขึ้นมาเล่าให้ฟังเมื่อวานนี้ น่าจะทำให้แฟนคลับได้เห็นภาพความเสี่ยงในการลงทุนมากขึ้น แต่เอาเข้าจริงดันกลายเป็นว่า แฟนคลับส่วนใหญ่มีอารมณ์คล้อยตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไปเสียชิบ! และทำให้หุ้นใหญ่โดนกระหน่ำขายทิ้งแบบไม่มีเยื่อใยนั้น ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแนวความคิด และความกังวลที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจมากกว่านะคะ
* ที่น่าสนใจคือ แนวรับแรกบริเวณ 1,620 จุด ซึ่งคาดจะเอาอยู่อย่างแน่นอนนั้น..เอาเข้าจริงกลับโดนเล่นงานเสียหมอบกระแต พร้อมกับแสดงอาการจะลงไปพักตัวที่บริเวณ 1,600 จุดในไม่ช้าแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่ทำให้รู้ว่า นักเล่นส่วนใหญ่ “มองล่าง” มากกว่า “มองบน” และเหตุผลที่ทำให้เชื่อนั้นมาจากเรื่องการที่กองทุนสาดหุ้นออกมา 4 พันล้านไงล่ะคะ
* ฉะนั้นการที่ดัชนีลงมายืนปิดที่ระดับ 1,603.06 จุด ลบไป 22.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.50 หมื่นล้านบาท ก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร เพราะตลาดหุ้นไทยยังยืนเหนือกรอบที่แย่สุดบริเวณ 1,575 จุด ผสานกับช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าจะมีเม็ดเงินจากนักเล่นกลุ่มที่เป็นกองทุนไหลเข้ามาอีกระลอก จึงกลายเป็นจังหวะของการช้อนหุ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เดี๊ยนจึงต้องบอกกับแฟนคลับว่า หากกลัวก็รอไปก่อนเจ้าค่ะ
* เหมือนกับแรงขายที่ประเดประดังใส่หุ้นลังกระดาษ SCGP จนร่วงลงจากยอดใหม่บริเวณ 71 บาท ลงมายืนปิดที่ระดับ 62.25 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.35 พันล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 38 เท่าแบบนี้ กลายเป็นตัวเร่งที่ทำให้สถาบันต้องรีบขายหุ้นออกมาก่อน เพราะสถานการณ์ของหุ้นค่อนข้างคลุมเครือที่จะโดนผลกระทบจากเรื่องการลดวงเงินคิวอีน่ะสิ
* คล้ายกับความพยายามตั้งลำของหุ้น PTTGC เพื่อทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่นักเล่นกลุ่มสถาบันดันไม่เอาขึ้นมาดื้อ ๆ หุ้นจึงมีอาการตุปัดตุเป๋ร่วมสัปดาห์ จนวานนี้โดนจัดหนักแบบไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้หุ้นลงมานอนกองอยู่ที่ 58.75 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.33 พันล้านบาท เดี๊ยนมองเป็นเกมทุบหุ้นของกองทุนเพื่อเอาของถูกก่อนจะปั๊มหุ้นขึ้นใหม่นะนายจ๋า!
* ส่วนหุ้นเดินเรือที่หลายคนเห็นว่า RCL โดนจัดหนักแบบไม่ยั้ง เอาเข้าจริงก็เป็นการขายหนักวันเดียว เพราะที่ผ่านมาสามารถประคองตัวแถวแนวรับ 53 บาทได้ค่อนข้างดี “โมนิก้า” ถึงไม่วอรี่กับการลงมายืนปิดที่ 53.75 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 930 ล้านบาท เพราะยังมีลุ้นเด้งกลับในไม่ช้าอย่างแน่นอน จึงอยากให้แฟน ๆ ลองทบทวนเรื่องราวที่เล่าให้ฟังน่าเชื่อถือขนาดไหนพะยะค่ะ
* ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ถึงบางอ้อในทันที เพราะสถานการณ์ข้างต้นคล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้น AS มากเหลือเกิน และการที่หุ้นลงมายืนปิดที่ 16.70 บาท ลบไป 1.20 บาท หรือลงไป 6.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 217 ล้านบาท ทั้งที่เป็นการเทรดบนค่า PE 20 เท่า และตัวธุรกิจยังมีโกรทให้เห็นตลอดเวลา กลายเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เดี๊ยนคิดว่า เที่ยวนี้ไม่น่ากลัว! เพราะโมเมนตัมของหุ้นยังเป็นขาขึ้นน่ะสิ
* ในเมื่อมองไปยังหุ้นที่มีโกรทไปแล้ว “โมนิก้า” ขอมองไปยังหุ้นที่กำลังจะได้ดี เพราะมีซินเนอยี่กันสักหน่อย และตัวที่เป็นดาวเด่นเที่ยวนี้คงหนีไม่พ้น RBF อย่างแน่นอน เพราะเมื่อส่องกล้องมองไปข้างหน้า 3 เดือน 6 เดือนจะพบว่า บริษัทกำลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เดี๊ยนจึงมองราคาปิดที่ 19.70 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.24 พันล้านบาท ยังเป็นจุดที่ลงทุนได้แบบชิล ๆ..ไม่เชื่อถาม “เฮียสมชาย” ดูซิจ๊ะ
* ส่วนคนที่ชอบเสียว ๆ แต่มีสตอรี่รองรับ “โมนิก้า” คงเทใจให้กับหุ้น EE แต่เพียงผู้เดียว หลังหุ้นเดินหน้าทำ new high อย่างต่อเนื่อง ผนวกกับมีกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าเป็นแบ็คอัพ เดี๊ยนถึงมองราคาปิดที่ 1.60 บาท บวกไป 0.09 บาท หรือขึ้นไป 5.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.04 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 28 เท่า ยังเป็นจังหวะที่ลุยได้สำหรับพวกคนกล้านะจะบอกให้