พาราสาวะถี

สิ้นเดือนนี้จะไม่มีการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกต่อไป แต่จะใช้พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 แทน ซึ่งได้เห็นชอบไปเมื่อวานนี้


เป็นที่แน่นอนแล้วว่าหลังสิ้นเดือนนี้เป็นต้นไปจะไม่มีการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกต่อไป แต่จะใช้พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 แทน ซึ่งที่ประชุมครม.ได้ให้ความเห็นชอบไปเมื่อวานนี้ โดยสาระสำคัญของพ.ร.ก.ดังกล่าว เพื่อกำหนดให้มีมาตรการที่จำเป็น และมีประสิทธิภาพในการป้องกัน ระงับ ควบคุม หรือขจัดโรคติดต่อที่มีการระบาดในกรณีปกติและในกรณีที่มีความรุนแรงให้ยุติหรือบรรเทาลงโดยเร็ว

โดยได้มีการเพิ่มหมวดที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อให้แยกการจัดการ กรณีโรคติดต่อในสถานการณ์ปกติออกจากโรคติดต่ออันตรายร้ายแรง จากที่เคยใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินซึ่งมีสาระหลักที่เน้นไปในเรื่องของความมั่นคง เมื่อมีการออกพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.โรคติดต่อฉบับนี้แล้ว กรณีที่มีโรคติดต่อร้ายแรงก็จะใช้กฎหมายดังกล่าวแทน แต่ยังมีสิ่งที่สังคมคลางแคลงใจคือจะมีการนิรโทษกรรมแฝงไว้ในกฎหมายดังว่าหรือไม่ โฟกัสกันไปในส่วนของฝ่ายบริหารโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

เรื่องดังกล่าว รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ยืนยันว่า สาระของพ.ร.ก.ฉบับนี้ต้องการที่จะคุ้มครองดูแลบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต โดยกำหนดให้ยกเว้นความรับผิดให้แก่เจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานคุ้มครอง พนักงานควบคุมโรคติดต่อและเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลใดซึ่งได้รับมอบหมาย หรือได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข เช่นเดียวกับในกรณีสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข

ไม่มีเนื้อหาสาระใดที่เป็นการกล่าวถึงการที่จะเข้าไปคุ้มครองเจ้าหน้าที่ฝ่ายนโยบายหรือฝ่ายบริหาร เพราะฉะนั้นโดยสาระ เป็นการดูแลเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่จะได้รับประโยชน์จากพ.ร.ก.ฉบับนี้จะครอบคลุม เช่น เจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ ผู้ช่วย อสม. รวมถึงพนักงานกู้ภัย เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติในโรงพยาบาลสนามที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังขากันเพราะการตีความเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายหรือร้องขอนั้น อาจรวมถึงฝ่ายบริหารหรือฝ่ายนโยบายได้

คงต้องไปดูกันในวันข้างหน้าถ้ามีใครไปร้องเพื่อดำเนินคดีกับฝ่ายนโยบายหรือฝ่ายบริหารที่วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่า มีความผิดพลาดล้มเหลวในประเด็นวัคซีนโควิด-19 แต่มาจนถึงเวลานี้ด้วยสูตรการฉีดไขว้ กรณีวัคซีนซิโนแวคที่ถูกครหาต่าง ๆ นานานั้น คงข้ออ้างได้ เช่นเดียวกับกรณีของแอสตร้าเซเนกาที่จนถึงวันนี้ก็ไม่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขในสต๊อกว่าเป็นไปตามสัญญาหรือไม่ มีเพียงการยืนยันจากซีอีโอของบริษัทสิ้นปีนี้ตัวเลข 61 ล้านโดสในการส่งมอบทำได้แน่นอน

การที่แอสตร้าฯ ไม่มาตามนัดตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไปโพนทะนาว่าจะปูพรมฉีดวัคซีนให้ได้จำนวนมากที่สุด จนเกิดการกระตุกและทำให้แอปพลิเคชัน หมอพร้อม” กลายเป็นตัวตลก และมีการเลื่อนการฉีดวัคซีนกันอุตลุด เมื่อมีสูตรฉีดไขว้เลยทำให้ลดเสียงเรียกร้องให้ตรวจสอบวัคซีนสัญชาติผู้ดีดังกล่าวลงไป ขณะที่ฝ่ายกุมอำนาจก็สั่งการให้เร่งฉีดเข็มแรกและมีการโชว์ตัวเลขกันรายวัน ทั้งที่จำนวนการฉีดครบสองเข็มนั้นเกินร้อยละ 20 เล็กน้อย

ไม่ว่าจะอย่างไรการแถไถโดยได้หมอการเมืองคอยเป็นลูกคู่ จึงทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็อาศัยตีกรรเชียง ประกอบกับการมีข่าวทางการเมืองอื่นมาคอยลดกระแสความไม่พอใจเรื่องวัคซีนไปได้ ยิ่งมาเกิดประเด็นการปลดสองรัฐมนตรีสังเวยการเดินเกมจะโค่นท่านผู้นำผ่านเวทีซักฟอก ประเด็นอื่นจึงกลายเป็นเรื่องเล็กไปในพริบตา ประกอบกับสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เริ่มลดลงคาบเกี่ยวกับช่วงซักฟอกจึงทำให้อารมณ์ร่วมของผู้คนในสังคมต่อกรณีโควิด-19 ซาลงไปได้บ้าง

เมื่อมาผนวกกับการเตรียมยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และไม่มีศบค.ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจถูกมองว่ารวบทุกอย่างไว้กับตัวเองแต่แก้ไขปัญหาไม่ได้ คนก็พอจะเบาใจกันได้และมองต่อไปว่า เมื่อภาระในการแก้ไขปัญหาโรคระบาดสำคัญไปตกอยู่ในมือของบรรดาหมอที่ถือว่าเกี่ยวข้องโดยตรง ต้องไปดูไส้ในของข้อกฎหมายและคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติที่จะเข้ามามีบทบาทหลังจากนี้ คนที่จะมานั่งหัวโต๊ะก็ยังเป็นผู้นำคนเดิม

เหมือนกรณีที่ทำหน้าที่สองหัวโขนทั้งหัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านั้น เพียงแต่ว่าหนนี้ไม่ได้เป็นผู้อำนวยการศบค.แต่เป็นประธานคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติแทน ต้องติดตามกันว่าพ.ร.ก.ที่คลอดกันออกมานั้น จะให้อำนาจหน้าที่และผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะมีบทบาทมากน้อยเพียงใดต่อการใช้กลไกดังกล่าว หากหมอการเมืองทั้งหลายยังดำเนินกลยุทธ์แบบเดิม การเปลี่ยนกฎหมายที่ใช้กำกับดูแลก็ไม่น่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นไปกว่าเดิม

เพื่อความเป็นธรรมคงต้องรอดูกันอีกระยะ ถ้าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ลงไปบัญชาการเอง โดยแต่งตั้งให้รองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งคนใดไปทำหน้าที่แทนก็อาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น หมายความว่า ท่านผู้นำน่าจะเบนเข็มหันไปให้ความสำคัญกับงานการเมือง เนื่องจากการเดินสายลงพื้นที่ตามที่เห็นกันอยู่ ล้วนแต่เป็นพื้นที่ที่มีบรรดาส.ส.ในคอกพรรคสืบทอดอำนาจที่ไม่ได้แสดงตัวเป็นม้าพยศในช่วงซักฟอกที่ผ่านมา

บาดแผลขัดแย้งของน้องเล็กกับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ไม่ได้ถูกสมานให้หายแนบสนิทเหมือนเดิม มิหนำซ้ำ ยังรอวันปริแยกให้ขยายผลหรือบาดลึกลงไปกว่าเดิม เพราะวันนี้พี่ใหญ่รู้ดีว่าน้อง 2 ป.กำลังคิดและทำอะไรอยู่ เช่นเดียวกันน้องทั้งสองคนก็รู้ว่าพี่คนโตเดินเกมการเมืองแบบไหน ข่าววงในไม่ได้มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากที่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ฉายภาพให้เห็นล่าสุด ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งเร็วไม่ใช่ทางของแก๊ง 3 ป. แต่อุบัติเหตุทางการเมืองที่เกิดจากความไม่ลงรอยอันได้ปะทุขึ้นนั้น มันรอวันระเบิดได้ตลอดเวลา

Back to top button