ไฟแนนซ์ดวงแตก

ก่อนอื่นต้องยอมรับว่า การยืนหยัดของดัชนีที่ระดับ 1,631.15 จุด บวกไป 11.56 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.40 แสนล้านบาท


* ก่อนอื่นต้องยอมรับว่า การยืนหยัดของดัชนีที่ระดับ 1,631.15 จุด บวกไป 11.56 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.40 แสนล้านบาท ล้วนมาจากแรงซื้อหุ้นแบงก์ตัวพ่อเป็นหลัก และเหตุผลที่ทำให้แรงซื้อมีเข้ามาอย่างหนาแน่น ก็มาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธนาคารให้มีความคล่องตัว และสมาร์ทขึ้นกว่าเดิม จึงพากันเชื่อว่า ต่อจากนี้จะเห็นการเติบโตแบบไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอนไงล่ะคะ

* ประเด็นดังกล่าวทำให้หุ้นแบงก์รายอื่นได้รับอานิสงส์ผลบุญไปด้วยเต็ม ๆ พร้อมกับผุดภาพการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นมาในหัวทันที เพราะแบงก์สามารถเจาะเข้าไปถึงความต้องการของคนทุกประเภทแบบไร้กรอบ ผนวกกับมีการผนึกกำลังกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศ เลยพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า กินรวบไม่มีกินแบ่ง และคนที่ได้รับประโยชน์เต็ม ๆ ก็หนีไม่พ้นคนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ที่เป็นคนใช้บริการพะยะค่ะ

* จุดที่น่าสนใจคือ ปีหน้าจะเห็นแวดวงการเงินเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะทุกเจ้าต้องปรับตัวให้สอดรับกับวิถีดิจิทัลไฟแนนซ์เชียลที่กำลังมาแรงให้ได้ และเจ้าไหนที่ปรับตัวไม่ทันจะตกขบวนรถด่วนเที่ยวสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่พวกกองทุนถล่มขายไฟแนนซ์อย่างหนักตลอดทั้งวันศุกร์ เพราะมันมองไม่เห็นโอกาสที่จะขึ้นมาทาบรัศมีได้เลยน่ะสิ!

* โดยเฉพาะการเปิดตัวพระเอกขี่ม้าขาวอย่าง SCB ถือเป็นช็อตประวัติศาสตร์ที่ทำให้ทุกคนปรบมืออย่างเกรียวกราว เพราะมันหมายถึงการขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งแบงก์ไทยที่มีนวัตกรรมการเงินชั้นเซียน หุ้นถึงวิ่งขึ้นไปทำไฮของวันที่ระดับ 137 บาทตั้งแต่เปิดเทรด ก่อนจะย่อตัวเล็กน้อยลงมาปิดที่ 130 บาท บวกไป 20.50 บาท หรือขึ้นไป 18.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.12 หมื่นล้านบาทแบบนี้ ยาวไป..ยาวไป เจ้าค่ะ

* ส่วนรายที่ขึ้นมาท้าทายอย่างหุ้น KBANK ก็เป็นเรื่องที่ต้องดูกันยาว ๆ ว่า เจ๋งแค่ไหน? เพราะที่ผ่านมาเสียรังวัดมานานเหลือเกิน “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 131 บาท บวกไป 9 บาท หรือขึ้นไป 7.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.93 หมื่นล้านบาท คือเป็นบันไดให้หุ้นขึ้นเรื่อย ๆ จริงไหม? เพราะยังไม่เคยโชว์ทีเด็ดให้เห็นบ้างเลย จึงประเมินอนาคตหุ้นตัวนี้ไม่ถูกพะยะค่ะ

* ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” มองไปที่หุ้นดวงแตกที่โดนถล่มขายหนักอย่าง SAWAD เป็นรายแรก เพราะทรงหุ้นไม่ค่อยดีตั้งแต่ต้นสัปดาห์ แถมมาเจอผู้เล่นรายใหญ่กระโดดลงมาเล่นในสนามแห่งนี้ ยิ่งทำให้คนที่ถือหุ้นรู้สึกกดดันอย่างหนัก และหาทางออกด้วยการขายหุ้นทิ้งกันเป็นเบือ หุ้นถึงลงมายืนปิดที่ระดับ 65 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.98 พันล้านบาท แบบนี้ ลงยาวแน่นอนเจ้าค่ะ

* สำหรับรายที่หนักกว่าใครทั้งหมด และอยู่ในลักษณะหลังพิงฝาจนดิ้นไม่ออก “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น MTC แบบไม่ลังเลใจ เพราะรายข้างต้นยังมีพาร์ตเนอร์เป็น “ออมสิน”  แต่รายนี้ยืนแข่งกับเจ้าอื่นตัวคนเดียวโดด ๆ จึงทำให้ผู้คนกังวลมากขึ้นเป็นกอง ซึ่งเห็นได้จากราคาหุ้นในกระดานร่วงสวนภาวะ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 60 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.65 พันล้านบาทไงล่ะคะ

* อีกรายที่อยู่ในชะตากรรมเดียวกันคือหุ้น TIDLOR แถมก่อนหน้านี้เพิ่งโดนรินหุ้นออกมาเรื่อย ๆ พอมาเจอข่าวแบงก์ตราใบโพธิ์รุกธุรกิจการเงินทุกมิติ ก็เกิดอาการเข่าอ่อน และทรุดฮวบลงมาทำ all time low ที่ระดับ 35.50 บาท ก่อนจะเด้งกลับเบา ๆ มาปิดที่ 36.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.77 พันล้านบาท เดี๊ยนคงพูดได้แค่ว่า จบแล้วค่ะนาย!

* ขนาดหุ้นบัตรเครดิตชั้นนำอย่าง KTC ก็เป๋ไม่เป็นขบวนไปหลายชั่วโมง เมื่อเจอยักษ์ม่วงเปิดหน้าลุยหนักทุกด้าน หุ้นถึงร่วงลงไปทำโลว์ที่ระดับ 58.75 บาท แต่สุดท้ายตีกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 59.75 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 798 ล้านบาทแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นศึกหนักที่ท้าทายฝีมือของคุณพี่ “ระเฑียร” อีกครั้ง จึงอยากให้แฟนคลับจับตาดูการแก้เกมชั้นครู เขาทำกันอย่างไรพะยะค่ะ

Back to top button