TU-NRF ศึกอาหารสัตว์เลี้ยง

มูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกสูงถึง 7.55 หมื่นล้านดอลลาร์ จและะสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท ก็ไม่น้อยนะเนี่ย จึงทำให้ตลาดนี้หอมหวนยิ่งนัก...


ด้วยมูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกในปี 2563 ที่สูงถึง 7.55 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนตลาดในประเทศไทยแม้ไม่ทราบตัวเลขที่แน่ชัด แต่คาดว่าในปี 2563 จะมีมูลค่าสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท ก็ไม่น้อยนะเนี่ย จึงทำให้ตลาดนี้หอมหวนเย้ายวนใจยิ่งนัก…

และที่สำคัญกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง การตัดสินใจซื้อเร็ว นั่นหมายถึงมาร์จิ้นที่สูงด้วยเช่นกัน

เรียกว่าเป็นธุรกิจที่คนซื้อไม่ได้กิน คนกินไม่ได้ซื้ออะนะ…

ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจึงกลายเป็นตลาดที่มีผู้เล่นทั้งเจ้าใหญ่และเจ้าเล็กที่หวังร่วมชิงเค้กก้อนนี้

ถ้าไปดูในตลาดหลักทรัพยฯ มีหลายเจ้าใหญ่ที่ลงมาเล่นในตลาดนี้ แต่ถ้าดูความเคลื่อนไหวในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา มี 2 เจ้าใหญ่ เริ่มจากบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เจ้าพ่อปลาทูน่าโลก ที่นอกจากขายอาหารสำหรับคน ซึ่งเป็นกลางน้ำ และปลายน้ำแล้ว ก็เติมต้นน้ำด้วยการเข้าไปลงธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงด้วย

ก็ชัดเจนจากกรณี TU จับบริษัทลูกอย่าง บริษัท สงขลาแคนนิ่ง จำกัด (มหาชน) เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม เป็นบริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ I-Tail เพื่อเป็นหัวหอกในการรุกอาหารสัตว์เลี้ยง หรือ Pet Care พร้อมตั้งธงภายในไตรมาส 3 ปี 2565 จะ Spin Off เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ..!!

นอกจากนี้ TU ยังทุ่มเงิน 3,000 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ในสัดส่วน 10% จากผู้ถือหุ้นเดิม “กลุ่มรัตนภูมิภิญโญ” เพื่อต่อยอดธุรกิจร่วมกัน โดยหวังใช้ส่วนผสมจาก RBF มากรุยทางสู่การผลิตอาหารแบบครบวงจร ทั้งอาหารสำหรับคน, อาหารสัตว์เศรษฐกิจ และอาหารสัตว์เลี้ยงอีกด้วย

เรียกว่า TU เปิดเกมรุกหนักเลยนะเนี่ย…

ส่วนอีกค่ายเป็นบริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ที่ล่าสุดควักเงิน 36 ล้านบาท ส่งบริษัทลูก บริษัท ซิตี้ฟูด จำกัด ไปซื้อหุ้น 66.7% ของบริษัท โบทานีสตูดิโอ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่าย และขายส่งอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Katty Boss และ Bravo Boss และเตรียมจะขยายตลาดไปต่างประเทศอีกด้วย

โอเค…แม้ผลประกอบการของโบทานีสตูดิโอ ในช่วงที่ผ่านมายังสะกดกำไรไม่เป็น…นั่นอาจเป็นเพราะไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง ต้องใช้วิธีไปจ้างโรงงานอื่นผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงให้ ทำให้มีต้นทุนสูง แต่มาร์จิ้นต่ำ…

ดังนั้นการได้ NRF มาเป็นพันธมิตร ซึ่งมีความพร้อมด้านเงินทุนมาช่วยซัพพอร์ต สร้างโรงงานเป็นของตัวเอง ก็น่าจะช่วยผลักดันให้ โบทานีสตูดิโอ ปั๊มกำไรได้ไม่ยากเย็นนัก เพราะมีทั้งตลาดและลูกค้ารองรับอยู่แล้ว…

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีการปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของบริษัท ซิตี้ฟูด ใหม่…จากเดิมเป็นผลิตอาหารประเภท ethnic food และน้ำเต้าหู้ เปลี่ยนเป็นผลิตอาหารประเภท ethnic food และอาหารทานเล่นสัตว์เลี้ยง…พร้อมปรับโรงงานที่ราชบุรีจากเดิมผลิตน้ำเต้าหู้ภายใต้แบรนด์ชินโป ไปเป็นโรงงานผลิตอาหารและอาหารทานเล่นสัตว์เลี้ยงแทน

แต่ไฮไลต์การแตกไลน์สู่อาหารสัตว์เลี้ยงของ NRF อยู่ที่จะผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง plant-based ออกมาขายด้วยนะ…

แหม๊…อยากลองชิม…อุ๊ย ชักน่าสนใจนะเนี่ย

ก็น่าติดตามว่า ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงของ TU กับ NRF ใครจะไปได้ไกลกว่ากัน…คงขึ้นอยู่กับว่ารสชาติอาหารของใครจะถูกปากน้องหมาน้องแมวมากกว่ากัน

…อิ อิ อิ…

Back to top button