พาราสาวะถี

วันนี้บรรดาข้าราชการที่อายุ 60 ปีทำงานกันมาตั้งแต่วัยหนุ่มสาวก็จะปฏิบัติหน้าที่กันเป็นวันสุดท้าย ก่อนจะปลดระวางตัวเองในวัยเกษียณ


วันนี้บรรดาข้าราชการที่อายุ 60 ปีทำงานกันมาตั้งแต่วัยหนุ่มสาวก็จะปฏิบัติหน้าที่กันเป็นวันสุดท้าย ก่อนจะปลดระวางตัวเองในวัยเกษียณ วิถีชีวิตอยู่ที่แต่ละคนจะจัดวางกันไว้อย่างไร แต่ประเภทอยู่กันแบบสุขสบายน่าจะเป็นข้าราชการส่วนน้อย เพราะส่วนใหญ่ยังต้องดิ้นรนกันต่อไป เงินบำเหน็จบำนาญเป็นเพียงสิ่งการันตีว่าแม้จะไม่ได้ทำงานแต่ยังมีรายได้เท่านั้น เพียงพอหรือไม่ คุณภาพชีวิตข้าราชการไทยระดับกุมอำนาจบริหารประเทศพูดเรื่องยกระดับแค่ให้ดูดี ทว่าความเป็นจริงไม่เคยทำหรือทำไม่ได้

แม้แต่รัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจที่เอาอกเอาใจข้าราชการเป็นที่สุด ยังทำได้เพียงแค่สุขสบายกันเป็นบางคนบางพวก สวาปามกันพุงกางแค่บางฝ่ายโดยเฉพาะคนสีเดียวกันกับขบวนการยึดอำนาจและสืบทอด อู้ฟู่กันทันตาเห็น ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะได้อะไรเป็นกอบเป็นกำขนาดนี้ ขณะที่บรรดาข้าราชการ ลูกจ้างในส่วนราชการอื่นยิ่งระดับล่างก็ยังลำบากกันเหมือนเดิม ทำไงได้ในเมื่อมีผู้นำที่บอกให้เอาแต่สวดมนต์ ถ้าใครอยากรวย มั่งมี มั่งคั่ง ไม่ต้องมารออะไรจากรัฐบาลให้สวดมนต์ขอกันไปก็แล้วกัน

เป็นวัฏจักรในระบบราชการเก่าไปใหม่มา เริ่มต้นวันพรุ่งนี้ 1 ตุลาคม คนที่ได้ตำแหน่งใหม่ใหญ่โตขึ้นก็จะมีแต่ลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชา รวมไปถึงบรรดาเอกชน บุคคลที่มีผลประโยชน์ผูกพันกับองค์กร จะพากันมาล้อมหน้าล้อมหลังแสดงความยินดีเป็นอันเข้าใจกันได้ ขณะที่ผู้เกษียณใครที่ใช้ทั้งพระเดชมีทั้งพระคุณ ปกครองด้วยหลักคุณธรรมกับลูกน้อง ก็ยังคงจะมีคนนับหน้าถือตาให้ความเคารพเหมือนเดิม ส่วนใครที่แสดงแต่อำนาจบาตรใหญ่หลงในหัวโขน เมื่อพ้นเก้าอี้ไปแล้ว แม้แต่สุนัขก็ยังเมิน นี่คือสัจธรรม

นั่นว่าด้วยเรื่องของราชการ ส่วนมิติทางการเมืองก้าวเข้าสู่เดือนตุลาคมถือเป็นห้วงเวลาที่บรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลายต่างหวั่นไหว เพราะถือเป็นเดือนแห่งการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะ 14 ตุลาคม 2516 หรือ 6 ตุลาคม 2519 ภาพประวัติศาสตร์ของการที่ผู้คนซึ่งถูกเรียกว่าวีรชนเดือนตุลาหรือคนเดือนตุลาฯ จะถูกขุดขึ้นมาประจานความโหดร้ายของคนที่ได้ชื่อว่าทรราช สั่งการให้เข่นฆ่าคนไทยด้วยกันเองเพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง

แน่นอนว่า ตั้งแต่การก่อกำเนิดเกิดขึ้นของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หลากหลายนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์ทางการเมืองเหล่านี้ ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการเคลื่อนไหว แม้แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปไม่นานอย่างการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อ 19 พฤษภาคม 2553 คนหนุ่มสาวก็ให้ความสำคัญ เพราะนั่นมีการตายของประชาชนมือเปล่าเกือบร้อยศพ และคนบาดเจ็บหลายพันราย แต่จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถเอาตัวคนสั่งการมาลงโทษได้

ขณะที่ การรำลึกถึงเหตุการณ์ตุลาเลือด ที่จะประเดิมกันในวันที่ 6 ตุลาคมนี้ ก็กลายเป็นกระแสขึ้นมาทันทีทันใด เมื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถานที่ประวัติศาสตร์จุดเกิดเหตุของการที่นักศึกษา ประชาชน ถูกกราดยิง บาดเจ็บล้มตาย สูญหายกันจำนวนมาก ถูกคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยปฏิเสธที่จะให้ใช้สถานที่ในการจัดงาน จนเกิดกระแสเรียกร้องกดดันทั้งจากภายในและภายนอก ที่มีบทบาทสำคัญคือ สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

แต่ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักต่อการปฏิเสธที่จะร่วมกดดันมหาวิทยาลัยให้เปิดพื้นที่จัดกิจกรรม นั่นก็คือ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรืออมธ. ด้วยการอ้างมาตรการสาธารณสุขและข้อกฎหมายต่าง ๆ นานา แต่ท้ายที่สุด เมื่อเห็นแนวโน้มแล้วว่ากระแสสังคมไม่ได้คิดเช่นนั้น และข้ออ้างของการปฏิเสธกิจกรรมดังกล่าวนั้น ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเพื่อสนองตอบความต้องการของฝ่ายกุมอำนาจนั่นก็คือคณะเผด็จการสืบทอดอำนาจ ที่ไม่เคยยอมรับความเห็นต่างใด ๆ อยู่แล้ว

ในที่สุด องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ต้องกลับลำด้วยการออกแถลงการณ์ขอโทษและแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่า อมธ.ขอเป็นส่วนหนึ่งในการเรียกร้องและกดดันมหาวิทยาลัยให้อนุญาตใช้พื้นที่ในการจัดกิจกรรมรำลึก 45 ปี 6 ตุลา 2519 กับเหตุผลที่ว่าได้รับข้อมูลจากสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และเสียงของมหาชน อมธ.จึงตัดสินใจเข้าร่วมในการกดดันมหาวิทยาลัยดังกล่าว จึงเป็นสิ่งที่ฟังแล้วไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่

ในเมื่อแถลงการณ์ดังกล่าวของอมธ.ก็ระบุชัดว่า เราทราบดีถึงสิ่งที่เหล่าวีรชน 6 ตุลาได้ทำทั้งเพื่อประเทศชาติและเพื่อเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการต่อสู้กับเหล่าทรราช การสดุดีนั้นจึงควรจะเป็นที่ระลึกถึงและเป็นหมุดหมายที่ยังตราตรึงให้เราเห็นถึงความเสียสละของ“รุ่นพี่ธรรมศาสตร์” เราเองมิได้มีเจตนาที่จะห้ามการจัดงานดังกล่าว เพียงแต่มีความกังวลถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น และสิ่งที่อาจจะกลายเป็นข้ออ้างในการทำการบางอย่างของรัฐบาลเผด็จการ

ไม่แน่ใจว่าตรรกะที่อ้างถึงความกังวลต่อสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น และบอกว่าเผด็จการสืบทอดอำนาจจะใช้เป็นข้ออ้างในการทำการบางอย่างนั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานใด ความเป็นจริงก็เห็นกันอยู่แล้วกลุ่มเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่นัดหมายชุมนุมตามท้องถนนนั้น ไม่ได้เกรงกลัวว่าตัวเองจะถูกจับกุมหรือดำเนินคดีใด ๆ แต่ด้วยหัวใจที่จะต้องสู้กับเผด็จการจึงออกไปเรียกร้อง แสดงออกในมิติที่แตกต่างกันไป แต่กับพื้นที่มหาวิทยาลัยกับกิจกรรมลักษณะเช่นนี้ไม่น่าจะเห็นสิ่งต้องห้าม

คงอยู่ที่อธิการบดีและคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้วว่าจะยังคงยืนกรานต่อท่าทีที่ได้ตัดสินใจไปก่อนหน้านั้น หรือรอรับสัญญาณจากฝ่ายกุมอำนาจว่าจะยอมให้มีการจัดกิจกรรมดังกล่าวภายในสนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัยหรือไม่ แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรฝ่ายจัดงานและกลุ่มนัดหมายจัดกิจกรรมก็ยืนยันแล้วว่าจะเดินหน้าจัดงานรำลึกดังกล่าวต่อไป และสนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คือจุดหมายที่ต้องไปย้อนประวัติศาสตร์ ถ้าจะมีข้ออ้างเพื่อทำการบางอย่างของเผด็จการอย่างที่อมธ.เอ่ยถึงจริงก็ให้มันเกิดขึ้นในวันนั้น

Back to top button