หุ้นข้าวโพด-ถั่วเหลือง อานิสงส์สัญญาฟื้น

เมื่อสัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปรับตัวขึ้น จะมีบริษัทที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่ SUN, APURE และ TVO เป็นต้น


เส้นทางนักลงทุน

สัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองเริ่มปรับตัวขึ้นรอบใหม่ โดยเห็นได้ชัดว่าสัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือน ธ.ค. พุ่งขึ้น 12.75 เซนต์ หรือ 2.42% ปิดที่ 5.395 ดอลลาร์ต่อบุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 2.5 เซนต์ หรือ 0.19% ปิดที่ 12.875 ดอลลาร์ต่อบุชเชล

ทั้งนี้ มีการประเมินว่าสัญญาข้าวโพดปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากหลังมีข่าวว่าจีนอาจเข้าซื้อถั่วเหลืองและข้าวโพดจากสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก โดยสัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือน ธ.ค. มีค่าเฉลี่ย 50 วัน อยู่ที่ 5.42 ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเฉลี่ย 100 วันอยู่ที่ 5.52 ดอลลาร์

ส่วนสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือน พ.ย. มีแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 13.00 ดอลลาร์ และข้าวสาลีส่งมอบเดือน ธ.ค. มีราคาขายเหนือเส้น 7.25 ดอลลาร์ จากการพยากรณ์อากาศว่าที่ราบทางตอนใต้และตอนกลางจะมีอากาศชื้นขึ้น

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเมื่อสัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปรับตัวขึ้น จะมีบริษัทที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่ SUN, APURE และ TVO เป็นต้น เพราะจะทำให้ราคาสินค้าอย่างข้าวโพดและถั่วเหลืองปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการส่งออกไปยังประเทศดังกล่าวด้วยเช่นกัน

นอกเหนือจากสมมติฐานว่าจะได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ดีบริษัทดังกล่าวยังคงมีปัจจัยบวกสนับสนุนจากยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งทางนักวิเคราะห์ยังประเมินว่าแนวโน้มผลประกอบการจะยังสดใสเช่นกัน

บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN พบว่า ทางบล.เคทีบีเอสที มีการประเมินว่า มีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการครึ่งหลังของปี 2564 จะขยายตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากงวดเดียวกันของครึ่งปีหลังของปี 2563 ทั้งจาก demand ข้าวโพดหวานไทยที่ขยายตัว, ราคาขายข้าวโพดหวานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน

ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปกติปี 2564 อยู่ที่ 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีแรงขับเคลื่อนจากรายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และรายได้ Ready to Eat ที่เพิ่มขึ้น 42% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวเป็น 17.5% ซึ่งจากปี 2563 ที่ 16.2% เนื่องจาก utilization rate ของโรงงานที่ดีขึ้น สำหรับปี 2565 ประเมินกำไรปกติที่ 328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้รวมขยายตัวเพิ่มขึ้น 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวจากค่าไฟฟ้าที่ลดลงจากโครงการ Biogas จำนวน 1 MW โดยลดลง 27 ล้านบาท

รวมทั้งยังมี upside จากธุรกิจกัญชงและค่าเงินบาทที่อ่อนตัว โดยทุก ๆ 1 บาทที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะเป็น upside ต่อกำไรสุทธิให้ SUN ที่ 20 ล้านบาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12.00 บาท

บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE พบว่า ทางบล.เอเชีย เวลท์ มีการประเมินว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 2565 เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนโดดเด่น เป็นผลมาจากแผนการขยายกำลังการผลิตไลน์ 15oz. จาก 2,000 เป็น 4,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักร คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2564 และเริ่มผลิตได้ช่วงต้นปี 2565 โดยจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมเป็น 11,500 ตู้ เพิ่มขึ้น 25% เพื่อรองรับออเดอร์จากตลาด Walmart ได้มากขึ้น

ขณะที่ การเข้าทำตลาดยุโรป (EU) ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหม่อย่างห้างสรรพสินค้า โดยตลาดยุโรปยังมีสัดส่วนรายได้ที่น้อยเมื่อเทียบตลาดอื่น ๆ ทำให้มีโอกาสเติบโตสูง นอกจากนี้บริษัทยังได้เปรียบคู่แข่งในประเทศที่ส่งออกไปยุโรปในด้านอัตราภาษีนำเข้าลดลงจาก 13% เหลือ 3% จากการชนะคดีการทุ่มตลาด (Anti-dumping) รวมถึงกำลังการผลิตของไลน์ 12oz. ยังมีเพียงพอที่จะใช้ผลิตเพื่อส่งออกไปยังกลุ่มลูกค้าในยุโรป

นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าจากเศรษฐกิจไทยที่ยังคงอ่อนแอ จะช่วยหนุนรายได้จากการส่งออกให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามยังคงอยู่ที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการจัดหาตู้คอนเทนเนอร์ที่ยากลำบาก ทำให้ลูกค้าบางส่วนเลื่อนการรับมอบสินค้า และต่อรองราคาสินค้ากับทางบริษัท เนื่องจากต้นทุนสินค้าของลูกค้าจะสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี มีการปรับประมาณการรายได้ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 9.3% มาอยู่ที่ 3,461 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทขยายกำลังการผลิตได้เร็วกว่าที่คาด ซึ่งเดิมคาดว่าจะล่าช้าไปจนถึงต้นปี 2565 ด้วยซ้ำ ดังนั้นทำให้บริษัทมีโอกาสรับออเดอร์จาก Walmart ได้เพิ่มขึ้น และการเข้าทำตลาดยุโรป รวมถึงสินค้า House Brand ที่เป็นข้าวโพดฝัก ซึ่งอยู่ระหว่างการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark) โดยส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2565 เพิ่มขึ้น 9.4% มาอยู่ที่ 557 ล้านบาท

นอกเหนือจากนั้นบริษัทเผยว่าช่วงปลายปี 2564 บริษัทมีแผนขยายสินค้าใหม่ คือ ข้าวโพดแช่แข็ง ซึ่งจะส่งออกให้แก่ ลูกค้าในกลุ่มโรงงาน ไม่ได้มีการค้าปลีก โดยปัจจุบันบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรและก่อสร้างอาคาร ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 และในอนาคตมีแนวโน้มที่บริษัทจะร่วมลงทุนกับบริษัททำกระป๋องบรรจุอาหาร เพื่อเป็นการลดต้นทุนในส่วนของกระป๋อง เนื่องจากราคาเหล็กโลกที่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นในปี 2565

ทั้งนี้ ทางนักวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการในปี 2565 โดยคาดว่าบริษัทจะเติบโตอย่างโดดเด่น แม้ว่าปัจจุบันการขนส่งยังเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทำให้บริษัทยังมีออเดอร์ค้างส่งอีกกว่า 30% ของช่วงครึ่งแรกของปี 2564 แต่คาดว่าในปี 2565 การขยายสินค้าใหม่และขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการข้าวโพดกระป๋องจากตลาดอเมริกาและตลาดยุโรปจะหนุนผลประกอบการให้เติบโตโดดเด่น อย่างไรก็ดีปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ในปี 2565 ที่ 10.60 บาท

บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO พบว่า ทางบล.เคทีบีเอสที มีการประเมินว่า กำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 2,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ปี 2565 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,257 ล้านบาท ลดลง 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนั้น คาดผลการดำเนินงานในปี 2564 จะเป็นจุดสูงสุดใกล้เคียงปี 2559 จากราคากากถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลืองที่ปรับตัวขึ้นมามาก โดยประมาณการ gross margin อยู่ที่ 14.5% ขณะที่ปี 2565 คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติจากราคากากถั่วเหลืองที่จะเริ่มปรับตัวลดลง ส่งผลให้คาด gross margin ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 12.5% ยังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท

ท้ายสุดในระยะสั้นเมื่อสัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองมีการปรับตัวขึ้น คาดว่า SUN, APURE และ TVO รับประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน!!!

Back to top button