TU-SFLEX รุกบรรจุภัณฑ์อาหาร
เจ้าพ่อปลาทูน่าโลกอย่าง TU เป็นยักษ์หลับมานาน...ครั้นพอตื่นขึ้นมาปุ๊บ ก็ขยับเยอะทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจและจัดหมวดหมู่ใหม่
จากเดิมเจ้าพ่อปลาทูน่าโลกอย่าง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เป็นยักษ์หลับมานาน…ครั้นพอตื่นขึ้นมาปุ๊บ ก็ขยับเยอะทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจ จัดหมวดหมู่ใหม่แบ่งเป็น 3 ขา…ขาแรก ธุรกิจอาหารสำหรับคน ขาที่สอง ธุรกิจอาหารสัตว์เศรษฐกิจ และขาสุดท้าย ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง หรือ Pet Care(ซึ่ง 2 ขาหลังนี้ตั้งธงจะ Spin Off เข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2565 ด้วยนะ)
รวมทั้งรุกไปลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ เพื่อมาเสริมแกร่งธุรกิจ…โดยก่อนหน้านี้ทุ่มเงิน 3,000 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 10% ในบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF เพื่อหวังใช้ความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมผลิตส่วนผสมในอาหารต่าง ๆ ของ RBF เช่น วัตถุแต่งกลิ่นธรรมชาติ หรือสารสกัดจากกัญชง มาต่อยอดธุรกิจ…
ล่าสุดก็ส่งบริษัทลูกบริษัท ไทยยูเนี่ยน กราฟฟิกส์ จำกัด (TUG) ไปจับไม้จับมือกับบริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX ตั้งบริษัทร่วมทุน (ยังไม่เปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม) เพื่อทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) และร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ใหม่ในอนาคต
โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าว จะมีทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท โครงสร้างการถือหุ้น SFLEX ถือสัดส่วน 51% และ TUG ถือสัดส่วน 49%
ดีลนี้…ในเชิงของไซส์ซิ่ง ด้วย SFLEX ไซส์เล็กกว่า เบื้องต้นถูกมองว่ามูลค่าเพิ่มจะมากกว่า TU…แต่จริง ๆ แล้วต้องบอกว่า สมประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่..!!
ในมุม TU ก็จะได้ซัพพลายบรรจุภัณฑ์เข้ามาซัพพอร์ตผลิตภัณฑ์อาหารภายในกลุ่ม ซึ่งมีทั้งอาหารคน อาหารสัตว์เศรษฐกิจ และอาหารสัตว์เลี้ยง ก็น่าจะทำให้มีต้นทุนที่ถูกลง…
ขณะเดียวกัน สามารถตอบโจทย์เทรนด์รักษ์โลกได้ด้วย จากการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่ง TU ตั้งเป้าหมายภายในปี 2568 ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัท จะใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ รีไซเคิลและย่อยสลายได้ทั้งหมด 100%
ดีลนี้ TU คงได้ทั้งเงิน…ได้ทั้งกล่องอะนะ…
ส่วน SFLEX การได้ไปจับกับผู้ผลิตอาหารเบอร์ต้น ๆ ของโลก…อันดับแรก จะทำให้มีฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจาก TU มีความพร้อมด้านเงินทุนอยู่แล้ว
ถัดมา SFLEX ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนอยู่แล้ว ก็สามารถใช้โนว์ฮาวที่มีไปพัฒนาต่อยอดบรรจุภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น การผลิตซองอาหารปลา บรรจุภัณฑ์อาหารสุนัข หรือบรรจุภัณฑ์อาหารในเครือ TU ทำให้มีความหลากหลายมากขึ้น มีมูลค่าเพิ่มตามมา…
งานนี้จึงถือว่า วิน-วินกันทั้งสองฝ่าย..!!
แต่ที่น่าจับตา ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ยักษ์ตื่นอย่าง TU จะไปจับกับใครอีกบ้าง…เพราะไม่แน่ตอนนี้อาจซุ่มเจรจากับใครอีกก็เป็นได้…
เค้าคือใครหน๊อ…อยากรู้จัง..!?
…อิ อิ อิ…