คลื่นใต้น้ำแรง
ข่าวพาดหัวตรวจน้ำท่วมกลายเป็น 3 ป.ขัดแย้งกัน นายกฯ บอกให้สวดมนต์ ม็อบโห่ไล่ I Here Too จากชัยภูมิถึงนนทบุรี
รัฐบาลอีเวนต์ขยันลงพื้นที่น้ำท่วม ข้าราชการท่วมหน้าท่วมหลัง ทั้งที่ยังฉุกเฉินโควิด ไปแล้วไม่รู้ช่วยอะไรได้ นอกจากนั่งรถนั่งเรือดูน้ำ แจกถุงยังชีพ ประชาชนก็ยังวิตกกังวล เพราะมีข่าวเขื่อนพังคันกั้นน้ำพัง ทั้งที่น้ำน้อยกว่าปี 54 หลายเท่า ข่าวพาดหัวตรวจน้ำท่วมกลายเป็น 3 ป.ขัดแย้งกัน นายกฯ บอกให้สวดมนต์ ม็อบโห่ไล่ I Here Too จากชัยภูมิถึงนนทบุรี
โควิด น้ำท่วม ไม่ต่างกัน รัฐบาลล้มเหลว ปล่อยให้ราชการ ท้องถิ่น ประชาชน แต่ละพื้นที่เอาตัวรอดกันเอง ระบบราชการบางจุดก็ขันแข็ง แต่ไม่สามารถบูรณาการ อาศัยท้องถิ่น ชุมชน อาสาสมัคร ส.ส. สจ. เทศบาล อบต. ช่วยกันทำกระสอบทราย เหมือนทำ HI CI ซื้อซิโนฟาร์มไปฉีดเอง ขณะที่รัฐบาลลอยหน้าลอยตาโชว์งาน Event เช่นวันจันทร์นี้ ประยุทธ์ไปคิกออฟเด็กนักเรียนฉีดไฟเซอร์
7 ปีประยุทธ์ เก่งแต่จัดอีเวนต์ฉาบฉวย เล่นมุกไร้สาระ แวดล้อมด้วยคำสอพลอ สปีชยาว ๆ มีคนร่างยัดปาก เช่นพูดเรื่อง 4.0 เทคโนโลยีดิจิทัล ฯลฯ ทั้งที่คนพูดไม่มีความรู้ รู้จักแต่พูดกับวัว
ประยุทธ์พยายามกลบปัญหา ความล้มเหลว ความเสื่อม ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งภายใน 3 ป. ในพรรคพลังประชารัฐ ข้ามไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ จากการยก 4 กรมในกระทรวงเกษตรให้ประวิตรดูแล
อันที่จริงไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเมื่อก่อน 4 กรมก็อยู่ใต้ธรรมนัส แม้ขึ้นกับเฉลิมชัย จุรินทร์อีกที แต่ ปชป.เต้นแร้งเต้นกาผิดสังเกต โวยว่าถูกข้ามหน้าข้ามตา แสดงท่าทีกำแหง อย่างน่าคิดว่าถ้าเป็นช่วงก่อน ปชป.คงไม่กล้าหือขนาดนี้
นี่กล้า ๆ ถึงขั้นประกาศชูจุรินทร์เป็นนายกฯ ให้ชาวบ้านหัวร่อตกเก้าอี้ ไม่เจียมเลย แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าพรรคสะตอที่ถูก พปชร. ภูมิใจไทย ทะลวงก้นไปยี่สิบกว่าเก้าอี้ เริ่มเห็นจังหวะเอาคืน
ปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่ความขัดแย้ง 3 ป. แต่เป็นความขัดแย้งเชิงระบบ รัฐประหารสืบทอดอำนาจกวาดต้อน ส.ส.มารองมือรองตีน ไม่ต่างตอบแทน ไม่ดูแล ไม่แบ่งอำนาจ พอขัดแย้งจะไปตั้งพรรคใหม่ขายปลัดฉิ่งฉับ ส.ส.จะอยากย้ายพรรคหรือ
ถ้าเปลี่ยนตัวประยุทธ์ได้ พปชร.คงอยากกำจัดจุดอ่อน แต่อีกด้านก็ต้องพึ่งประยุทธ์ พึ่งอำนาจรัฐราชการ พึ่ง 250 ส.ว.ตู่ตั้งโหวตนายกฯ
พชปร.เกิด dilemma ประยุทธ์ก็ dilemma จนยังไม่สามารถปรับ ครม.ทดแทน 2 ตำแหน่ง เกิดคลื่นใต้น้ำเต็มไปหมด ทั้งจากในพรรค พปชร. ทั้งจาก ปชป. หรือแม้แต่ภูมิใจไทย ซึ่งหวังจะได้ ส.ส.ย้ายพรรคหาก พปชร.แตก ก็ประกาศหนูพร้อมเป็นนายกฯ (ทั้งที่แผลเต็มตัวไม่ต่างจากประยุทธ์)
รัฐประหารสืบทอดอำนาจกำลังหาทางไปต่อได้ยาก ทำอย่างไรจะควบคุมนักการเมือง ทั้งฝ่ายค้านรัฐบาล ที่กล้าหือกล้าท้าทาย ขันแข่งแย่งชิง ทั้งที่รู้ว่าตู่มี 250 ส.ว.ในมือ คุมอำนาจรัฐราชการเบ็ดเสร็จ
ส.ว.บางส่วนก็เริ่มแตกแถว เช่นวันชัย สอนศิริ เย้ยว่าเลือกความสงบจบที่ตู่ไม่จริงเสียแล้ว นี่สะท้อนว่าเครือข่ายอนุรักษนิยมเริ่มเสียงแตก บางส่วนก็ไม่เห็นด้วยให้ตู่ไปต่อ
ย้อนอดีต 50 ปีก่อน ถนอม กิตติขจร ก็เคยรัฐประหารตัวเอง อ้างว่าคุมนักการเมืองไม่ได้ แต่ 2 ปีหลังจากนั้นก็เกิด 14 ตุลาไล่ออกนอกประเทศ
ประยุทธ์ทำได้ไหม ได้ แต่คงพังเร็วกว่าอีก แล้วจะหาทางบีบบังคับให้ ส.ส.พปชร. พรรค ภท. พรรค ปชป. สนับสนุนตัวเองต่ออย่างไร
ภาวะอึมครึมนี้จะยื้อต่อไปเรื่อย ๆ หรือรู้ดำรู้แดง เดี๋ยวคงเห็นกัน แต่ระหว่างรอ ชาวบ้านก็เดือดร้อนต่อไป