CPF หุ้น (น้อง) หวีทองคำ
“น้องหวี” เป็นคำที่นักลงทุนเรียกเป็นเชิงประชดประชันกับหุ้นที่ราคาหุ้นขึ้นลงแค่ 1-2 ช่อง หรือให้นึกภาพกราฟขึ้นลงเหมือน “แปรงหวีผม”
“น้องหวี” เป็นคำที่นักลงทุนเรียกเป็นเชิงประชดประชันกับหุ้นที่ราคาหุ้นขึ้นลงแค่ 1-2 ช่อง แทบไม่เคลื่อนไหว
หรือให้นึกภาพกราฟราคาหุ้นขึ้นลงเหมือนกับ “แปรงหวีผม”
วิ่งขึ้นลงแบบ “ซิกแซก” ไม่ไปไหนซักที
ไม่เว้นแม้แต่วันที่ดัชนี SET ปรับลงหนัก ๆ
ทว่าราคาหุ้นที่ถูกขนานนามว่าน้องหวี ยังสามารถยืนทรงตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
เช่นเดียวกับในช่วงที่ตลาดหุ้นขึ้น
ราคาหุ้นนั้น ๆ ยังยืนเด่นไม่สะทกสะท้านต่อปัจจัยบวกลบใด ๆ ทั้งสิ้น
CPF เป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างกล่าวถึงมากสุดว่าเป็น “น้องหวี”
ราคาหุ้น CPF ต่อให้มีข่าวดีมามากน้อยแค่ไหน ราคาหุ้นแทบจะไม่ตอบรับกับปัจจัยบวกนั้น ๆ
เช่น 1-2 วันทำการก่อนหน้านี้
CPF ประกาศซื้อหุ้นคืนในวงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท
หากเป็นหุ้นตัวอื่น ๆ ราคาจะวิ่งรับแล้วล่ะเพราะมีปัจจัยบวกรออยู่ ทั้งเซนติเมนต์เชิงบวก การจ่ายเงินปันผล และผลเชิงบวกอื่น ๆ จำนวนมาก
แต่ราคาหุ้น CPF ยังคงรักษาสถานภาพของการเป็น “น้องหวี” ได้อย่างเข้มแข็ง
วันศุกร์ราคา CPF ปิดที่ 25.75 บาท
เปิดเช้ามาวานนี้ที่ระดับ 26.25 บาท และเป็นระดับสูงสุด
ก่อนที่ตลอดทั้งวันของวานนี้ ราคาจะเคลื่อนไหวในช่วงเช้า 26.00-26.25 บาท
ก่อนจะลงมาเคลื่อนไหวแบบซิกแซก กราฟเป็นแปรงหวีผมที่ระดับราคาระหว่าง 25.75–26.00 บาท
วิ่งขึ้นลงไปแบบนี้แหละกระทั่งปิดตลาดที่ 25.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งที่ภาพรวม SET ปิดบวก 9.31 จุด มาที่ 1,614.48 จุด
นักลงทุนอาจจะสงสัยว่า ปรากฏการณ์ของหุ้นน้องหวี เกิดขึ้นได้อย่างไร
คำตอบนี้จะว่าไปแล้ว หุ้นน้องหวีเกิดขึ้นได้กับหุ้นหลายตัว ในหลายกลุ่มธุรกิจใน SET
แต่ละตัว แต่ละธุรกิจอาจจะมีเหตุผลแตกต่างกันไปบ้าง
แต่สำหรับหุ้น CPF เข้าใจว่า (ความเห้ฯ ส่วนตัว) น่าจะเกิดการต่อสู่กันระหว่างกลุ่มนักลงทุน Value Investor (VI) หรือการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
และกลุ่มนักลงทุน Momentum Investor หรือ “MI”
กลุ่ม VI มองว่า เมื่อราคาหุ้น (เช่น CPF) ปรับลงมา ในระดับราคาที่น่าซื้อ
พวกเขาก็จะไล่เก็บ ซื้อเข้าพอร์ต
เมื่อกลุ่ม VI ซื้อไปเรื่อย ๆ ราคาวิ่งขึ้นมาได้นิดหน่อย
กลุ่มนักลงทุนประเภท MI เมื่อเห็นว่าราคาหุ้นนั้น ๆ (เช่น CPF) กำลังวิ่งขึ้น
ต่างก็เข้าไปเก็งกำไร และรีบขายออก
เพราะถึงแม้ MI จะมองว่า หุ้นนั้น ๆ มีพื้นฐานดี ผลประกอบการดี แต่ทิศทางของราคาหุ้นมีอัพไซด์จำกัด ผลประกอบการขึ้นในกรอบจำกัด
กลุ่ม MI จะชิงขายทำกำไรกันออกมาก่อน
หรือหากจะให้มองภาพแบบง่าย ๆ คือ เมื่อราคาลง กลุ่ม VI จะซื้อ (เพราพื้นฐานดี ปันผลพอใช้ได้)
แต่พอราคาขึ้นกลุ่ม MI จะชิงขาย เพราะอัพไซด์จำกัด (ราคาหมู ไก่ขึ้นลง เอาแน่เอานอนไม่ได้)
หุ้นนั้น ๆ ราคาจึงเกิดภาพของน้องหวี และวนเวียนไปมาแบบนี้
เว้นแต่ว่า จะมีปัจจัยบวกแบบแรง ๆ เข้ามา ก็จะพอช่วยดันราคาให้พ้นจากกราฟของน้องหวีได้
หรือมีปัจจัยลบกระแทกหนัก ๆ
ราคาหุ้นอาจจะร่วงลงไปพักฐานอยู่สักพัก
แต่ไม่ว่าจะวิ่งขึ้น (แรง) หรือลง (แรง) ราคาหุ้นนั้น ๆ จะกลับมาใกล้ ๆ ราคา ณ จุดเดิม อย่างเช่น CPF ที่ราคาหุ้นจะวนเวียนอยู่ 25.00-27.50 บาท ต่อหุ้น
หุ้นลักษณะแบบนี้ นักลงทุนที่ลงทุนมานาน ๆ และหวัง Capital gain จะไม่ชอบ และเลี่ยงลงทุน
เว้นแต่ใครที่ชอบซื้อสะสมไว้ในพอร์ต หวังเงินปันผล (CPF ยีลด์เฉลี่ย 4%) และมั่นใจพื้นฐาน เป็นหุ้นที่ผลประกอบการแข็งแกร่ง ยากต่อการถูก Disruption
ก็มักจะซื้อ ๆ เก็บไว้ในพอร์ต
หากปีนี้มีการจัดงาน “หวีทองคำอวอร์ด”
CPF น่าจะเป็นเต็งหนึ่ง