OTO สู่เส้นทางใหม่

หลังจาก OTO เลือดในอกของ SAMART ย่องเงียบเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่กลางปี 2557...ก็เงียบเป็นเป่าสาก เป็นหุ้นที่นักลงทุนไม่ค่อยรู้จัก..!!


หลังจากบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO เลือดในอกของ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART ย่องเงียบเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่กลางปี 2557…เข้ามาแล้วก็เงียบเป็นเป่าสาก เป็นหุ้นที่นักลงทุนไม่ค่อยรู้จัก..!!

ธุรกิจดั้งเดิมของ OTO ทำระบบคอลเซ็นเตอร์ แต่เนื่องจากเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง ก็เลยถูกกลืนหายไปในตลาดฯ ไม่ต่างจากหุ้นแม่…

กระทั่งปลายปีที่แล้ว กลับมาฮือฮาอีกครั้งก็ตอนเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ กลุ่ม SAMART ขายหุ้นล้างพอร์ตให้กับกลุ่มทุนใหม่…เท่ากับว่าตอนนี้ OTO ก็ออกจากครอบครัว SAMART ไปแล้ว…

หลังจากนั้นก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของ OTO หลาย ๆ อย่าง ทั้งโครงสร้างผู้บริหาร โดยเฉพาะโครงสร้างธุรกิจที่มีการแตกไลน์ไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ เริ่มจากเมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งบริษัทลูก บริษัท อินโน ฮับ จำกัด ไปซื้อหุ้น 76% ในบริษัท อินไซท์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (IMG) ซึ่งทำธุรกิจให้บริการเกี่ยวกับการผลิตสื่อโฆษณาในประเทศไทย มูลค่า 15 ล้านบาท

ถ้าไปดูผลงานช่วง 3 ปี ย้อนหลังของบริษัท อินไซท์ มีเดีย กรุ๊ป ก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่นะ พอมีกำไรอยู่บ้าง…โดยปี 2561 มีรายได้ 40 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้รวม 70 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7 ล้านบาท และปี 2563 มีรายได้รวม 24 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1 ล้านบาท

และล่าสุด ไปซื้อหุ้นบริษัท ฮินซิซึ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำธุรกิจด้านผลิตงานซิลค์สกรีนเนมเพลท ลาเบล สติ๊กเกอร์ และจัดหาผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้าให้กับกลุ่มลูกค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งในและ

ต่างประเทศ…โดยใช้เงินไป 175 ล้านบาท แลกกับการถือหุ้น 10%…

โอเค…ก็ถือเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต เป็นสิ่งที่กลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ต้องใช้อยู่แล้ว…

โดยเป็นการซื้อหุ้นจากบริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำากัด (มหาชน) หรือ SIMAT…ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ OTO ก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ SIMAT แต่จะเกี่ยวโยงข้องกันด้วยประการใด ไปคิดกันเอาเองแล้วกัน..!?

แต่จะว่าไปโปรไฟล์ของบริษัท ฮินซิซึ (ประเทศไทย) ก็ไม่ธรรมดานะ ในแง่ของรายได้อาจน้อยกว่า OTO แต่กำไรทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด…ปี 2561 มีรายได้ 475 ล้านบาท กำไรสุทธิ 27 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้ 581 ล้านบาท กำไรสุทธิ 87 ล้านบาท และปี 2563 มีรายได้ 583 ล้านบาท กำไรสุทธิ 86 ล้านบาท

ขณะที่ OTO ปี 2561 มีรายได้ 718 ล้านบาท กำไรสุทธิ 20 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้ 790 ล้านบาท กำไรสุทธิ 33 ล้านบาท และปี 2563 มีรายได้ 685 ล้านบาท พลิกมาขาดทุน 48 ล้านบาท

ซึ่งการรับรู้รายได้และกำไรจากบริษัท ฮินซิซึ (ประเทศไทย)…OTO จะรับรู้ตามสัดส่วนการถือหุ้น ถ้าเทียบเคียงงบปี 2563 เท่ากับจะรับรู้รายได้อยู่ที่ 58 ล้านบาท และกำไรราว 8 ล้านบาท…ก็ไม่น้อยนะ

จะเห็นว่า OTO กำลังสลัดคราบธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ เพื่อเดินไปสู่เส้นทางใหม่..!!

ก็น่าจับตาหลังเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ โครงสร้างผู้บริหาร และโครงสร้างธุรกิจ โฉมใหม่จะเป็นอย่างไร..? จะดีขึ้นหรือไม่..?

แต่อย่างน้อยหุ้น OTO ก็ไม่น่าจะเงียบหายเหมือนในอดีตอีกแล้ว…

ดูได้จากช่วงที่ผ่านมาติดโผหุ้นซิ่งไปแล้ว ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ จับขังคุกแคชบาลานซ์เป็นพัก ๆ ล่าสุดเพิ่งถูกจับขังอีกรอบเมื่อวันที่ 29 ก.ย.-19 ต.ค. 2564…ก็พอช่วยดับร้อนไปได้บ้าง…

…อิ อิ อิ…

Back to top button