AAV เพิ่มทุน ปลายทางที่ AAGB
วานนี้ AAV ขานรับในเชิงลบทันที หลังจากผลการประชุมบอร์ดที่ผ่านมา จะมีการเพิ่มทุนครั้งใหญ่ ซึ่งประกาศช่วงกลางดึกในคืนเดียวกัน
วานนี้ (20 ต.ค. 2564) หุ้นบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ขานรับในเชิงลบทันที หลังจากผลการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา จะมีการเพิ่มทุนครั้งใหญ่ ซึ่งประกาศช่วงกลางดึกในคืนเดียวกัน เนื่องจากราคาเพิ่มทุนที่หุ้นละ 1.75 บาท ต่ำกว่าราคากระดานค่อนข้างมาก (ราคาปิดวันที่ 19 ต.ค.อยู่ที่ 3.00 บาท)…
ขณะที่การเพิ่มทุนครั้งนี้ ก็เน้นหนักไปที่จัดสรรให้กับบุคคลเฉพาะเจาะจง หรือ PP ทำให้กังวลว่าจะเกิดไดลูชั่นเอฟเฟค 2 แบบ…1) ด้านราคา เพราะราคาเพิ่มทุนต่ำกว่ากระดาน และ 2) สัดส่วนผู้ถือหุ้นที่จะไดลูชั่นจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น…
ส่งผลให้นักลงทุนพร้อมใจกันเทหุ้น AAV อย่างที่เห็น…
โดย AAV จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,285 ล้านบาท จากเดิม 485 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 ก้อน ก้อนแรก จำนวน 8,000 ล้านหุ้น จัดสรรแบบ PP ที่ราคาหุ้นละ 1.75 บาท รวมมูลค่า 8,800 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จัดสรรให้กับ AirAsia Aviation Limited (AAA)
รวมทั้งนักลงทุนรายใหญ่อีก 6 ราย ซึ่งมีทั้ง “พิธาน องค์โฆษิต” ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE, “ปรินทร์ โลจนะโกสินทร์” ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB และ “วรพจน์ อำนวยพล” ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เป็นต้น
ก้อนที่สอง จำนวน 1,714 ล้านหุ้น จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) อัตราส่วน 5.7625 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 1.75 บาท คิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท และก้อนสุดท้าย จำนวน 1,257 ล้านหุ้น รองรับหุ้นกู้แปลงสภาพ มูลค่า 2,200 ล้านบาท
เท่ากับว่า การระดมทุนครั้งนี้ AAV จะได้เงินก้อนใหญ่ราว 14,000 ล้านบาทเชียวนะ
แต่ไฮไลท์อยู่ที่วัตถุประสงค์ของการใช้เงินเพิ่มทุน ซึ่งถูกแบ่งไปใช้หนี้แบงก์ที่ AAV ไปกู้มาเพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนของไทยแอร์เอเชีย จำนวน 3,900 ล้านบาท และอีก 3,900 ล้านบาท จะเตรียมซื้อหุ้นไทยแอร์เอเชีย ที่เหลืออีก 30.8% เพื่อถือให้ครบ 100% ส่วนเงินที่เหลือ จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นั่นเท่ากับว่า เงินเกินกว่าครึ่ง หรือราว 7,800 ล้านบาท ถูกนำไปซื้อหุ้นไทยแอร์เอเชีย…
ขณะที่การซื้อหุ้นไทยแอร์เอเชียของ AAV นั้น ก็เป็นการซื้อหุ้นจาก AAA ซึ่งก็เป็นกลุ่มเดียวกัน…เท่ากับว่า เงินจะถูกโยกจากกระเป๋า AAV ไปสู่กระเป๋า AAA น่ะสิ
ธุรกรรมนี้จึงไม่ต่างจากอัฐยายซื้อขนมยายนั่นแหละ…
โอเค…ในมุม AAV การถือหุ้นไทยแอร์เอเชีย 100% ก็ได้ประโยชน์ในแง่การบริหารจัดการมีความคล่องตัวขึ้น
แต่ถ้าถามว่าใครได้ประโยชน์สูงสุดจากดีลนี้ คงหนีไม่พ้นกลุ่ม AirAsia Group Berhad (AAGB) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ AAA และกำลังจะมาถือหุ้นใหญ่ AAV ซึ่งระยะสั้นจะได้เงินจากการขายหุ้นไทยแอร์เอเชียให้กับ AAV และระยะกลางถึงยาว หาก AAV ฟื้นตัว และหลังจากกระบวนการเพิ่มทุนแล้วเสร็จ และการฟื้นตัวของธุรกิจสายการบิน ก็จะได้ประโยชน์ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อีกทอดหนึ่งด้วย…เรียกว่า มีแต่ได้กับได้…
นี่ถ้าหากว่าไทยแอร์เอเชีย…เพิ่มฝูงบินมากขึ้น…โอ้ว…AAGB ก็ยิ่งได้ประโยชน์มากขึ้นไปอีก..!!
ก็น่าคิด สุดท้ายแล้ว AAV ซึ่งปัจจุบันไม่ต่างจากคนไข้ในห้องไอซียู มีปัญหาสภาพคล่องตึงตัวอย่างหนัก มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดติดกระเป๋าแค่ 233 ล้านบาทเท่านั้น จะได้ประโยชน์จากดีลนี้มากน้อยแค่ไหน..? เพราะเงินเข้าแค่ไม่กี่พันล้านบาท แต่เพิ่มทุนตั้ง 14,000 ล้านบาท
ส่วนผู้ถือหุ้น AAV จะได้ประโยชน์จากดีลนี้อย่างไร..? ยังตอบยาก คงต้องติดตามตอนต่อไป…แต่ที่เห็นอยู่ทนโท่แล้ว คือราคาหุ้นวานนี้ปรับลดไปเกือบ 3%
แบบนี้ก็ไม่ปลื้มสิคะ…
…อิ อิ อิ…