ผันผวนขาขึ้น
“โมนิก้า” นั่งวิเคราะห์ดัชนีในรอบ 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการขึ้นสูงกว่าหรือลงต่ำกว่าระดับ 1,650 จุดแบบเกาะขอบหน้ากระดาน
*“โมนิก้า” นั่งวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของดัชนีในรอบ 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการขึ้นสูงกว่าหรือลงต่ำกว่าระดับ 1,650 จุดแบบเกาะติดขอบหน้ากระดาน ในที่สุดก็ได้รับคำตอบยืนยันว่า รอบที่ผ่านมาสัญญาณเทคนิคไม่เอื้อให้ดัชนีไปต่อ และวอลุ่มก็ไม่ซับพอร์ตสักเท่าไหร่ ส่งผลให้การขึ้นมายืนเหนือระดับดังกล่าวเป็นแบบกระท่อนกระแท่น และพร้อมจะลงได้ทุกเมื่อนะคะ
*ขณะที่การขึ้นของดัชนีในเที่ยวนี้แตกต่างจากรอบที่แล้วอย่างสิ้นเชิง เพราะค่าสัญญาณทางเทคนิคกำลังอยู่ในช่วงของการปรับสมดุล และดัชนีก็เพิ่งผงกหัวขึ้นได้วันเดียว จึงมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีจะแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ แบบนี้อีกพักใหญ่ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนหันไปเหลียวดูหุ้นบลูชิพที่เริ่มขยับตัวให้เห็นประปราย หรือกลุ่มที่โดนเทขายหนัก ๆ แล้วเริ่มฟื้นตัวก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยเจ้าค่ะ
*สถานการณ์ดังที่เกิดขึ้นทำให้ “โมนิก้า” วิเคราะห์การเคลื่อนตัวของดัชนีมีความเป็นไปได้ทั้งแบบ V-shape แบบ W-shape หรือแบบ M-shape จึงต้องการให้นักลงทุนทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง (อยากให้นักลงทุนคิดเป็น เพราะเป็นเรื่องเก่าที่ชอบพูดถึงเป็นประจำเมื่อดัชนีเริ่มย่ำฐาน) และการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,637.55 จุด บวกไป 7.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.79 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นการฉายภาพดังกล่าวได้เป็นอย่างดีนะจ๊ะ
*โดยเฉพาะอาการของหุ้น OSP เมื่อวิเคราะห์จากความเป็นจริง สถานการณ์จริง และนักลงทุนตัวจริงก็พบว่า ราคาหุ้นลงมาเรื่อย ๆ และเป็นการทรุดตัวลงค่อนข้างเยอะ หากราคาหุ้นยังอ่อนตัวลงมาอีก ก็สมควรที่ช้อนซื้อเป็นอย่างยิ่ง เพราะหุ้นกำลังลงมาใกล้แนวรับ 32 บาท “โมนิก้า” จึงมองสถานการณ์ของหุ้นตัวนี้น่าสนใจในมุมของการลงทุนระยะยาว เพราะการยืนปิดที่ 33.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 498 ล้านบาทเป็นการเทรดบน PE 25 เท่าน่ะซี
*ส่วนดาวเด่นดาวดังอย่าง U กลายเป็นหุ้นที่ถูกขาเม้าท์จับตาดูมากสุด ณ เวลานี้ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเว่อร์ ๆ จึงต้องติดตามข้อมูลการเคาะซื้อแต่ละไม้เป็นธรรมชาติแค่ไหน? และเผอิญเดี๊ยนไปได้ยินข่าวดังกล่าวเต็มสองรูหูพอดี ก็เลยรีบคาบข่าวดังกล่าวมาบอกตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่า หลังจากใส่เงินเพิ่มทุนเสร็จสรรพ ภาพของบริษัทจะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ จึงอยากให้แฟนคลับประเมินราคาปิดที่ 1.72 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 2.80% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 109 ล้านบาท คุ้มกับการลงทุนอ๊ะป่าว?
*ร้อนแรง แรงร้อน ต้องยกให้ SPRC ว่ากันว่าเป็นหุ้นโรงกลั่นน้ำมันที่คัมแบ็กเต็มรูปแบบ และมีความเป็นไปได้ที่หุ้นจะไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะข่าวเม้าท์ที่พูดกันหนาหูบอกว่า กำไรครึ่งปีหลังจะกระฉูดอย่างแน่นอน! เมื่อวานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 11.10 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 350 ล้านบาทอย่างแข็งแกร่ง ผนวกกับวันนี้ยังเทรดบน PE 12 เท่า จึงมีแก๊ปให้เล่นต่อสวย ๆ อีกหลายยกเจ้าค่ะ
*ส่วนหุ้นต่ำสิบสุดร้อนแรงอย่าง NCH มีพรายกระซิบแถวปทุมธานีเม้าท์ให้ฟังว่า การเล่นในรอบนี้ดุดันพอ ๆ กับรอบก่อนหน้านี้ และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่า นักลงทุนรายย่อยจะพาเหรดเข้าไปเล่นกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.80 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 410 ล้านบาท โดยมียอดเก่าที่ทำไว้อยู่แถว ๆ 1.80 บาท แถมหุ้นยังเทรดบน PE 12 เท่าแบบนี้..กล้าเล่นต่อไหมออเจ้า
*สำหรับรายที่มีอาการโอเว่อร์แอ็คติ้งเกินบรรยาย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นบ้านเอเอฟ AF แบบเร่งด่วน เพราะการขึ้นมาปิดที่ 1.32 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 157 ล้านบาท ทั้งที่ตอนนี้เทรดบน PE 40 เท่า และผลงานปี 64 ก็คงไม่ต่างจากปี 63 สักเท่าไหร่ แต่หุ้นดันขึ้นมาทำ all time high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นปี 47 จึงกลายเป็นเกมเดิมพันที่ผู้เล่นต้องพร้อมที่จะ “ได้เสีย” นะจะบอกให้