BCH – CHG โบรกชี้กำไร Q3 โตเด่นสุด
สำหรับในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในไตรมาส 3 ปี 2564 ที่จะทยอยประกาศออกมาในเร็ววันนั้น ก็มีทางนักวิเคราะห์ได้ทำการประเมินไว้ ซึ่งมีความน่าสนใจ
เส้นทางนักลงทุน
ก่อนถึงวันประกาศงบการเงินของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ก็จะเห็นทางโบรกเกอร์ออกบทวิเคราะห์ออกมาในส่วนของผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น หรือลดลง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพื่อให้เป็นแนวทางในการตัดสินใจต่อการลงทุน
ทั้งนี้สำหรับในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในไตรมาส 3 ปี 2564 ที่จะทยอยประกาศออกมาในเร็ววันนั้น ก็มีทางนักวิเคราะห์ได้ทำการประเมินไว้ ซึ่งมีความน่าสนใจโดยเฉพาะ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH และ บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG ถือว่าชูเป็นหุ้นโดดเด่นในกลุ่มโรงพยาบาลก็ว่าได้ เพราะจากคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 รับปัจจัยบวกสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระบาดรุนแรงเข้ามาหนุน
สำหรับ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH โดยทาง บล.เอเชีย เวลท์ มีการประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 คาดว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ 2,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 408% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 83% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นไปตามแนวโน้มรายได้ที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่คาดว่ารายได้รวมไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 6,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 185% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 56% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยธุรกิจได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้การตรวจคัดกรองโควิด-19 ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 526,000 คน ลดลงจากไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ 588,000 คน รวมถึง สปสช. ปรับลดค่าตรวจ RT-PCR เป็น 1,700 บาทต่อเคส จากเดิม 2,300 บาทต่อเคส (เริ่ม 1 ส.ค.)
อย่างไรก็ตามแต่ถูกชดเชยด้วยรายได้จากผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและ Hospitel โดยเตียง รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาล 1,733 เตียง Occupancy Rate 100% ขณะที่ Hospitel 16,633 เตียง Occupancy Rate 40-50%
ทั้งนี้คาดอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 50.5% สูงกว่าไตรมาส 3 ปี 2563 และไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ 36.6% และ 46.3% ตามลำดับ และคาดอัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อยอดขายอยู่ที่ 9% เทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 และไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ 11.7% และ 9.3% ตามลำดับ
คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564 อ่อนตัวจากไตรมาสก่อน จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่ไม่ใช่โควิด-19 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากวัคซีนทางเลือกที่โรงพยาบาลได้รับการจัดสรรในล็อตแรก จำนวน 1.06 ล้านโดส ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาในช่วงเดือน พ.ย. 2564 ช่วยหนุนผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 ถึงไตรมาส 1 ปี 2565
แม้สถานการณ์ COVID-19 จะผ่านพ้นไป ทำให้กำไรกลับสู่ฐานปกติ แต่ยังมี 4 ปัจจัยหนุนที่ยังทำให้ BCH น่าสนใจในการลงทุน ได้แก่ (1) การกลับเข้ามาใช้บริการของผู้ป่วยที่ไม่ใช่โควิด-19 (2) รายได้จากโรงพยาบาลใหม่ 3 แห่ง ช่วยหนุนรายได้ในอนาคตให้เติบโต (3) การกลับเข้ามาใช้บริการของผู้ป่วยชาวต่างชาติจากการเปิดประเทศ โดยสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติคิดเป็น 10% ของรายได้รวมในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 (4) จำนวนผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคม ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น หลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท
บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG โดยทาง บล.กรุงศรี มีการประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 คาดว่ากำไรไตรมาส 3 ปี 2564 ทำระดับสูงสุดใหม่อยู่ที่ 1.10 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 278% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 85% จากไตรมาสก่อน และคาดงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 กำไรอยู่ที่ 1.90 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 204% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้คาดว่าในไตรมาส 3 ปี 2564 รายได้รวมอยู่ที่ 2.20 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 178% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโควิดรายวันเฉลี่ย โดยห้องผู้ป่วยในโควิด และ Hospitel เพิ่มขึ้นเป็น 4,000-5,000 ราย จากเดิมราว 1,000 รายจากช่วงไตรมาส 2 ซึ่งมีผลมากกว่ารายได้ที่ลดลงจากกรณีการตรวจโควิด ซึ่งการตรวจเพิ่มขึ้นเพียง 2% เป็น 92,000 ราย และราคาตรวจ RT-PCR ลดลง 26% เป็น 1,700 ต่อรายสำหรับ สปสช. มีผลบังคับตั้งแต่ 1 ส.ค.
พร้อมกับรายได้ผู้ป่วยที่ไม่ใช่โควิดลดลง 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 1.30 พันล้านบาท ซึ่งคาดรายได้ ASQ ที่ 50 ล้านบาท, รายได้ศูนย์โรคหัวใจที่ รพ.สิรินธร ที่ 15 ล้านบาท และค่าบริหาร รพ.เมืองพัทยาและศูนย์การแพทย์เกาะล้าน ที่ 60 ล้านบาท จะทรงตัวจากไตรมาสก่อน
ขณะเดียวกันจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลง 16% เป็น 2,232 รายในเดือน ต.ค.ในพื้นที่สมุทรปราการ, ชลบุรี, ฉะเชิงเทรา, ปราจีนบุรี และระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ รพ.ของกลุ่มตั้งอยู่ โดย CHG ได้เปลี่ยนห้องผู้ป่วยในโควิด 300 ห้องเป็นห้องผู้ป่วยในที่ไม่ใช่โควิด หลังเปิดทำการ รพ. สนาม CP-WHA-CHG 600 เตียง ในวันที่ 6 ต.ค. โดยคาดว่ารายได้จากการผ่าตัดไม่เร่งด่วน, ศูนย์หัวใจ รพ.สิรินธร, รพ.สมุทรปราการ และรพ.ระยอง รวมทั้งรายได้จากการให้บริการวัคซีน 3 แสนโดส จะเป็นปัจจัยกระตุ้นรายได้ในปีหน้า ส่วน EEC มีแผนปรับปรุงศูนย์โรคเฉพาะทางของ รพ.พุทธโสธร และ รพ.ชลบุรีจะเป็นโอกาสของ CHG อย่างไรก็ดีแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท
เบื้องต้นจึงได้ชูสองหุ้น BCH, CHG ว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/2564 จะโดดเด่นสุดของกลุ่มโรงพยาบาล!!!