พาราสาวะถี
การปรับโครงสร้างพรรคทั้งหมดโดยหนนี้มี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่นหมายความว่าพรรคที่เป็นปฏิปักษ์กับน้องเล็กของแก๊ง 3 ป.น่าจะต้องเป็นฝ่ายไป
ผลพวงจากการเรียก 6 รัฐมนตรีที่เป็นกลุ่มตรงข้ามกับ ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ยืนยันแทบจะตรงกันทุกสายภายในพรรคแกนนำรัฐบาล เป็นการคุยเพื่อจะขยับเขย่าให้เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคสืบทอดอำนาจ อันหมายถึงการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด โดยหนนี้มีไฟเขียวมาจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่นหมายความว่าแม่บ้านพรรคที่เป็นปฏิปักษ์กับน้องเล็กของแก๊ง 3 ป.น่าจะต้องเป็นฝ่ายไป
เมื่อพี่ใหญ่เลือกที่จะขจัดหนามตำใจน้องเล็ก และหันไปใช้บริการของก๊วนสามมิตรและ 3 รัฐมนตรีที่เป็นเหมือนสายตรงของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ก็เท่ากับว่าภายในแก๊ง 3 ป.พยายามที่จะปรับความสัมพันธ์กันให้กลับมาเหมือนเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เห็นกงเกวียนกำเกวียนในพรรคแกนนำรัฐบาลก็คือ วิธีการที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงนั้น ล้วนแล้วแต่เกิดจากความแตกแยกและแย่งกันเป็นใหญ่ภายในพรรค ซึ่งในความเป็นพรรคการเมืองถือเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดี
คราว 4 กุมารในความดูแลของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ถูกเล่นงานสะบักสะบอม ด้วยข้อกล่าวหาบริหารงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลล้มเหลว ลามไปถึงความห่างเหินภายในพรรค สูตรสำเร็จที่นำมาใช้เพื่อการกดดันก็คือให้กรรมการบริหารพรรคลาออกจากตำแหน่งกันเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับของพรรคที่ระบุไว้ในข้อ 15 วงเล็บ 3 ว่า กรรมการบริหารพรรคทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง เมื่อกรรมการบริหารพรรคการเมืองว่างลงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการบริหารพรรคที่มีทั้งหมด
โดยเวลานี้กรรมการบริหารพรรคสืบทอดอำนาจมีอยู่ 26 คน หากให้ทุกอย่างเป็นไปตามความประสงค์คือต้องมีคนสมัครใจลาออก 14 คน เพื่อให้มีการประชุมใหญ่ภายใน 45 วัน นั่นหมายถึงกลุ่มของธรรมนัสจะถูกล้างบางไปโดยปริยาย แต่ด้วยสายสัมพันธ์ที่เลี้ยงดูปูเสื่อกันมา ก็ทำให้เกิดคำถามว่ากรรมการบริหารจะลาออกตามจำนวนที่ว่าหรือไม่ ถ้าลาออกไม่ครบ 14 คน หัวหน้าพรรคจะต้องแต่งตั้งคนใหม่มาทำหน้าที่จนกว่าจะมีการเลือกตั้งคนมาแทนตำแหน่งที่ว่างใน 90 วัน
อย่างไรก็ตาม การหารือกับ 6 รัฐมนตรีของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ได้จบลงแค่ที่ทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น เพราะเย็นวันเดียวกัน มีรายงานว่าได้มีการเข้าพบกับ 3 พี่น้องแก๊ง 3 ป.ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ และได้มีการแสดงข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องของจำนวนกรรมการบริหารพรรคที่จะลาออกเพื่อนำไปสู่การปรับโครงสร้างพรรคใหม่ ซึ่งได้รับการยืนยันอย่างหนักแน่นจากพี่ใหญ่ว่า “เรื่องเสียงไม่มีปัญหา เดี๋ยวจะเป็นคนไปจัดการเอง” นี่น่าจะเป็นสัญญาณอันชัดเจน
แม้ว่าหัวหน้าพรรคจะย้ำหนักแน่นพร้อมที่จะจัดการเรื่องเสียงให้ ทว่าความเคลื่อนไหวภายในพรรคสืบทอดอำนาจกลับสวนทางกัน เมื่อมีการประเมินกันภายในแล้วพบว่ากรรมการบริหารจะลาออกไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ตามที่มีการคาดการณ์กันไว้ พร้อม ๆ กับการระบุด้วยว่ากระแสข่าวที่ออกมาน่าจะเป็นการจงใจปล่อยข่าวจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียหากมีการเปลี่ยนแปลงของคณะกรรมการบริหารพรรคมากกว่าที่จะเป็นเรื่องจริง
แน่นอนว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น การที่มีข่าวว่าคนลาออกจะไม่ถึงกึ่งหนึ่ง อีกด้านก็เหมือนเป็นการเคาะกะลา เป็นที่รู้กันว่าด้วยพลังดูดที่ได้ดำเนินการไปช่วงก่อนการเลือกตั้งเป็นการลงทุนที่ไม่ได้ใช้กระสุนเต็มพิกัด เพราะช่วงเวลานั้นยังมีอำนาจเบ็ดเสร็จที่สามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามได้ ส่วนหนึ่งจึงเป็นผู้ที่จำใจต้องเข้าร่วมด้วยการถูกกดดันจากคดีความและความผิดต่าง ๆ ที่ถูกนำมาใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนเหล่านั้นมีหัวโขนและส่วนหนึ่งคดีความต่าง ๆ ที่ติดตัวก็ถูกเป่าไปหมดแล้ว ดังนั้น จึงถึงเวลาที่จะต้องถามหาสิ่งที่ควรจะได้ คราวที่ล้มทีม 4 กุมารนั้นก็ไม่ได้ใช้ต้นทุนทางกระสุนมากเหมือนกัน เนื่องจากเป็นการจับมือสามัคคีกันของกลุ่มก๊วนภายในพรรคเพื่อเป้าหมายให้แกนนำของแต่ละกลุ่มได้ก้าวขึ้นไปมีบทบาทสำคัญภายในพรรค รวมทั้งมีตำแหน่งแห่งหนในรัฐบาล แต่หนนี้ต่างออกไปหากจะให้ได้ตามความต้องการต้องมีทั้งปัจจัยและกล่องเป็นข้อแลกเปลี่ยน
การเลือกใช้บริหาร 6 รัฐมนตรีที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ในแง่ของชั่วโมงบินทางการเมืองไม่มีใครเกินอยู่แล้ว แต่อย่าลืมเป็นอันขาด คนเหล่านี้โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรเคยถูกกระทำให้เจ็บช้ำน้ำใจมาตั้งแต่คราวตั้งคณะรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งแล้ว เมื่อถึงคราวจนแต้มทางการเมืองแล้วผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเรียกใช้บริการ จึงเป็นจังหวะที่จะต้องเอาคืนอย่างสาสม ทั้งจากคนที่ขอความร่วมมือ รวมไปถึงกลุ่มของธรรมนัสที่มีอิทธิพลอย่างมากก่อนที่จะถูกเฉดหัว
ว่ากันว่า ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนั้นคนของกลุ่มสามมิตรจะต้องมีบทบาทสำคัญภายในพรรคเป็นรองเพียงแค่หัวหน้าพรรคที่ยังคงจะเป็นพี่ใหญ่ต่อไปเท่านั้น ขณะที่ภายในรัฐบาลระดับแกนนำต้องได้รับการปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้ใกล้เคียงกับความต้องการที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ อันหมายถึงกระทรวงเกรดเอที่มีจะต้องนำมาพิจารณากันใหม่ เว้นแต่กระทรวงพลังงานที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องขอเก็บไว้เองเพื่อประโยชน์ในการสะสมกระสุนสู้เกมการเมือง
โดยที่ก่อนจะไปถึงการเลือกตั้ง วันนี้แก๊ง 3 ป.ต้องมานั่งดีดลูกคิด คำนวณต้นทุนว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนสำหรับการอยู่ยาวหรือไม่ ในส่วนของพี่ใหญ่ที่แบกรับภาระอย่างหนักมาก่อนหน้านี้ ก็จะถึงเวลาที่ต้องให้น้องทั้งสองคนมาร่วมรับผิดชอบต่อภาระอันหนักหน่วงนี้ด้วย และก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าน้อง 2 ป.เซย์เยสกับพี่ใหญ่ในการทุ่มปัจจัยเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตัวเอง ตอนนี้จึงเหลือสิ่งที่จะต้องเคลียร์กันให้ตกผลึกคือ เมื่อปรับโครงสร้างกันแล้วกล้วยที่เป็นอาวุธสำคัญมาตลอดนั้นใครจะเป็นคนดูแล
จุดนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะต้องอาศัยสายสัมพันธ์อันดีเพื่อไม่ให้มีข้อมูลหลุดลอดไปประจานทำให้พรรคเสียหาย ที่ผ่านมาธรรมนัสทำหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อันรวมไปถึงการดูแลพวกต่างพรรคด้วย การเปลี่ยนเพื่อให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจพอใจไม่ใช่เรื่องยาก แต่เปลี่ยนแล้วอยู่กันได้ยาวและราบรื่น ยังเป็นอีกโจทย์ที่ต้องคิดกันหลายตลบ