รายย่อยอุ้มตลาด

นักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนยังขายสุทธิออกมาต่อเนื่องเมื่อวานนี้แม้ตัวเลขการขายจะไม่ได้สูงนัก (-248 ล้านบาท) เหมือนหลายวันก่อนหน้านี้


นักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนยังขายสุทธิออกมาต่อเนื่อง

เมื่อวานนี้แม้ตัวเลขการขายจะไม่ได้สูงนัก (-248 ล้านบาท) เหมือนหลายวันก่อนหน้านี้

แต่หากย้อนกลับไปดูตัวเลขการขายของกองทุน

พบว่า ในช่วง 30 วัน (ทำการ) ย้อนหลัง

กองทุนได้ขายหุ้นไทยออกมาแล้วกว่า 28,247 ล้านบาท

กองทุนมาเริ่มขายหนักเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 64 ปล่อยออกมากว่า 4,392 ล้านบาท

ต่อจากนั้น ได้ขายออกมาเรื่อย ๆ

หรือโดยเฉลี่ยต่อวันเป็นจำนวนหลักพันล้านบาท

ทว่าช่วงที่กองทุนเริ่มขายออก ทางนักลงทุนต่างประเทศ ยังซื้อสุทธิอยู่ ทำให้ช่วยประคองตลาดฯ ไว้ได้

ดัชนียังปิดบวก และปิดอยู่บริเวณ 1,630-1,645 จุด

แต่เมื่อเริ่มสัปดาห์นี้ที่ต่างชาติพลิกกลับมาขาย (ทำกำไร)

ขณะที่กองทุนยังขายออกมาสนุกสนาน เพื่อต้องการดึงเงินสดมาอยู่ในมือที่มีเป้าหมายอยู่ระหว่าง 3–3.5 หมื่นล้านบาท

ทำให้ดัชนีเมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) ร่วงหลุดแนวรับสำคัญ 1,630 จุด

การขายของต่างชาติในสัปดาห์นี้

ไม่ได้อยู่นอกเหนือคาดการณ์

เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า และคอลัมน์นี้ฉบับของวันอังคารที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา

ได้เขียนบอกไว้แล้วว่า สัปดาห์นี้ต่างชาติจะขายออกมาแน่นอน

ทั้งเพื่อทำกำไร และ “ปรับพอร์ต”

สาเหตุ เพราะต้องเฝ้าการติดตามผลการประชุมของ 3 ธนาคารกลางสำคัญของโลก

เริ่มจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 ต.ค.นี้

ส่วนสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะต้องติดตามต่อไปด้วย

เมื่อต่างชาติ และกองทุนเขย่าตลาด

หุ้นส่วนใหญ่ที่ขายออกมาจะอยู่ในกลุ่มดัชนี SET50 และ SET100

จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบต่อดัชนี

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ดัชนี SET ที่ยังสามารถยืนเหนือระดับ 1,600 จุดไว้ได้ ทั้งที่กองทุน และนักลงทุนต่างชาติขายกันออกมาในช่วงนี้

ถือว่าหุ้นไทยค่อนข้างเก่งแล้วล่ะ

7 วันที่ผ่านมา นักลงทุนรายย่อยมียอดการ “ซื้อสุทธิ”

นั่นแสดงว่า มีนักลงทุนรายย่อยเข้าไปรับ “ของ” ทั้งจากกองทุน และต่างชาติ

และอีกส่วนหนึ่งหลบไปเล่นหุ้นขนาดกลางและเล็ก เพื่อหนีหุ้นกลุ่ม SET50 และเป็นเหตุให้วอลุ่มเทรดในช่วง 3-4 วัน ที่ผ่านมา เหลือเพียง 6-7 หมื่นล้านบาท

จากเดิมจะมีมากกว่า 8-9 หมื่นล้านบาทต่อวัน

กองทุนจะหยุดขาย ต่อเมื่อพวกเขาดึงเงิน (สด) กลับมาได้ตามเป้า 3-3.5 หมื่นล้านบาท

และต่างชาติน่าจะขายต่อไปอีก 3-4 วัน

และเมื่อมีความชัดเจนจากการประชุมของธนาคารกลางสำคัญ 3 แห่ง

น่าจะเห็นต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง

เพราะในช่วงเดือนพ.ย. ไปจนถึงสิ้นปี และปี 2565 ต่างชาติน่าจะยังมียอดซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัว และค่าเงินบาทแข็งค่า

แต่กว่าจะผ่านไปจนถึงช่วงที่กองทุนและต่างชาติหยุดขาย

ต้องมาลุ้นกันว่า

บรรดารายย่อยที่เข้ามารับ หรืออุ้มตลาดหุ้นไว้ตอนนี้

จะช่วยกันยันดัชนีไม่ร่วงหลุด 1,600 จุดได้หรือเปล่า

Back to top button