พาราสาวะถี
ค่ำคืนก่อนที่จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคด่วน หลังจากกระแสแรงจากการที่ท่านผู้นำเรียก 6 รัฐมนตรีเข้าพบเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
เป็นอันว่าเรียบร้อยโรงเรียนพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. กับเกมการเขย่าพรรคสืบทอดอำนาจเพื่อหวังที่จะเปลี่ยนโครงสร้างพรรค ด้วยการเขี่ย ธรรมนัส พรหมเผ่า เอาใจผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ไม่พอใจอย่างมากหลังจากถูกลูบคมในศึกซักฟอกที่ผ่านมา จนมีการปลดสองรัฐมนตรีพ้นครม. โดยทุกอย่างมาพีกเอาค่ำคืนก่อนที่จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคด่วนวันที่ 28 ตุลาคม หลังจากกระแสแรงจากการที่ท่านผู้นำเรียก 6 รัฐมนตรีเข้าพบเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวคือคุยกับที่ทำเนียบฯ ไม่จบแล้วไปต่อกันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ในช่วงค่ำ โดยมีพี่ใหญ่และพี่รองของแก๊ง 3 ป.เข้าร่วมด้วย ซึ่งดูเหมือนว่า 6 รัฐมนตรีแสดงท่าทีชัดที่จะให้มีการปรับโครงสร้างโดยการเฉดหัวเลขาธิการพรรคพ้นตำแหน่ง ขณะที่พี่ใหญ่ไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป แน่นอนว่ามี 2 รัฐมนตรีที่แข็งขันต่อข้อเสนอดังกล่าว นั่นก็คือ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีแรงงาน และ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
โดยเฉพาะรายหลังที่ไม่พอใจเป็นอย่างมากจากที่ถูกธรรมนัสเดินเกมให้สมาชิกโหวตสวนในศึกซักฟอกร่วมกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ จนมีการจี้ถามในวันที่มีการเคลียร์ใจกันก่อนประชุมกรรมการบริหารพรรคด่วน โดยที่ธรรมนัสก็ยืนยันว่าได้ขอโทษและส่งข้อความชี้แจงไปหมดแล้ว แต่ชัยวุฒิก็ยังไม่พอใจมีการตอกย้ำประเด็นว่าให้เอาความจริงมาคุยกัน ตรงนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่พี่ใหญ่ของแก๊ง 3 ป.ให้ความสำคัญแต่อย่างใด
เมื่อมีการตั้งธงไว้แล้วว่า หัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่มีการเปลี่ยนตัวแม่บ้านพรรคอย่างแน่นอน เป็นที่รู้กันด้วยสไตล์ใจถึงพึ่งได้ และผลงานจากการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา เมื่อธรรมนัสลงไปกุมบังเหียน เคลียร์งานให้ล่วงหน้าแล้วพี่ใหญ่ตามไปปิดเกม ผลสัมฤทธิ์คือสามารถกำชัยได้ทุกครั้ง เช่นเดียวกันกับการแจกกล้วยดูแลสมาชิกพรรคและต่างพรรคที่ถือว่าเลขาธิการพรรคคนนี้ทำหน้าที่ได้ดี ส่วนคนอื่นที่อยากจะเข้ามา ติดปัญหาสำคัญคือส.ส.ส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ
เหมือนที่แหล่งข่าวจากวงหารือคืนก่อนประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคด่วน กับแกนนำพรรคบางคนซึ่งก็คือรัฐมนตรีที่ไปคุยกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.กางปีกปกป้องธรรมนัสอย่างชัดเจน ต่อข้อเสนอของบางคนที่ให้ปรับโครงสร้างพรรคด้วยการเขี่ยธรรมนัสพ้นตำแหน่งเลขาธิการพรรค ด้วยเหตุผลพรรคสืบทอดอำนาจจะทำงานเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาลลำบาก เพราะผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่เอาธรรมนัสแล้ว
โดยมีการระบุว่า “พวกคุณไปฟังความข้างเดียวกัน ถ้าไม่เอาธรรมนัสแล้วจะเอาใคร เขาทำงานได้ ทำงานเพื่อพรรค แล้วใครจะทำงาน คนอื่นก็เป็นคู่กรณีของเขา ถ้ายังไม่เลิกทะเลาะกัน กูลาออก ใครอยากมาเป็นก็มาเป็นเลย” ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อมีการตั้งคำถามกลับต่อบทสรุปจากวงคุยของ 6 รัฐมนตรีกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจว่าจะมีการปรับโครงสร้างพรรคถ้าไม่ทำจะเป็นปัญหาหรือไม่ พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ก็ตอกกลับรุนแรงว่าไม่ได้มีข้อสรุปอะไร ตนเพียงแค่นั่งรับฟังเฉย ๆ พร้อมวลีทอง “ก็วันนั้นพวกมึงรุมกู”
อีกหนึ่งไม้เด็ดซึ่งพี่ใหญ่นำมาขู่เพื่อยุติปัญหาที่คาราคาซังกันมาคือ หากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่พอใจบทสรุปที่ออกมาแล้วหันไปตั้งพรรคการเมืองใหม่จะทำอย่างไรว่า “ถ้านายกฯ ตั้งพรรคใหม่ ผมก็เลิก ไม่เล่นแล้วการเมือง” นั่นหมายถึงเป็นการมองข้ามช็อตไปแล้วว่า พรรคที่พูดถึงกันนั้นไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน พรรคสืบทอดอำนาจก็ยืนยันอยู่แล้วว่าแคนดิเดตนายกฯ ยังคงเป็นผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเช่นเดิม
ไม่เพียงเท่านั้นพี่ใหญ่ยังอ่านใจของน้องเล็กได้ทะลุปรุโปร่ง การจะไปตั้งพรรคเองต้นทุนทุกอย่างเป็นเรื่องมหาศาล ซึ่งน้องทั้งสองของแก๊ง 3 ป.ไม่ได้ใจใหญ่ถึงขนาดนั้น ขณะที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเองก็เด่นชัดยิ่งว่าไม่อยากเอาตัวเองไปเกลือกกลั้วกับนักเลือกตั้งทั้งหลาย จึงเป็นที่มาของคำตอบจากปากพี่ใหญ่ถูกนักข่าวถามยังจะทำงานร่วมกันกับท่านผู้นำได้ใช่หรือไม่ว่า “ได้ นายกฯ ก็ทำในส่วนของนายกฯ เดี๋ยวจะหาว่านายกฯ มาก้าวก่ายพรรคอีก” ดักคอกันไว้เสร็จสรรพ
เช่นเดียวกับกรณีที่หลังประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคที่มอบหมายให้ วิรัช รัตนเศรษฐ พร้อมชัยวุฒิและสุชาติ มาตั้งโต๊ะแถลงด้วยบทสรุปสั้น ๆ ได้ใจความ “ทุกอย่างจบที่บิ๊กป้อมและเลขาธิการพรรคยังคงเป็นธรรมนัสเหมือนเดิม” ก็เพราะสองรัฐมนตรีถือเป็นคู่กรณีของแม่บ้านพรรคโดยตรง การชี้นิ้วให้มาพูดกับนักข่าวก็เพื่อยืนยันว่าจบกันจริง เพราะสิ่งที่พี่ใหญ่พูดในวันนัดเคลียร์ใจก็คือ “ที่เป็นปัญหาอาจมีบางคนทะเลาะ และมีเด็กไปบอกนายกฯ จึงทำให้เป็นปัญหา”
ต้องรอดูกันต่อไปจะเป็นการจบแบบถาวรหรือแค่ยุติเป็นการชั่วคราว ขณะที่พรรคสืบทอดอำนาจยังคงอึมครึม อีกด้านพรรคคู่แข่งสำคัญอย่างเพื่อไทยกลับเข้าสู่โหมดคึกคักเป็นอย่างยิ่ง หลังจากมีการเปิดตัว แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของ ทักษิณ ชินวัตร นั่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม แม้จะมีการออกตัวจากอุ๊งอิ๊งว่าไม่ได้เข้ามาในแบบนักการเมือง แต่การชูธง 3 แนวทางปฏิรูปคือการศึกษา เทคโนโลยี และการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ นั้นย่อมไม่ธรรมดา
โดยที่ฟากฝั่งหนึ่งมีพ่อและพี่ชายพานทองแท้นั่งดูการขึ้นเวทีปราศรัยกับสมาชิกพรรคของน้องคนเล็กในครอบครัว หากย้อนกลับไปฟังสิ่งที่นายใหญ่ในนาม โทนี่ วูดซัม พูดถึงความเปลี่ยนแปลงที่บอกว่าถ้ามีการประกาศตัวบางคนและทิศทางนโยบายแล้ว คนที่รับเงินเขามาแล้วจะต้องรีบนำเงินไปคืน และรีบกลับมาซบพรรคเหมือนเดิม ก็น่าจะเป็นสิ่งนี้ แต่ไม่จบเพียงแค่นั้นเมื่อมีการมองต่อไปว่านี่คือแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย
ท่ามกลางความดีใจและเป็นการการันตีว่านายใหญ่ยังคงเต็มสูบกับพรรคนี้อยู่ อีกด้านก็เหมือนเป็นการเรียกแขกจากฝ่ายต่อต้าน บรรดาขาประจำจะต้องพากันตีซ้ำย้ำจุดอ่อนว่าด้วยเรื่องพรรคของครอบครัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งนี้คนชื่อทักษิณไม่ได้ให้ราคาอยู่แล้ว ยิ่งสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้แล้วมีตัวเลือกเช่นนี้ยิ่งทำให้ประชาชนตัดสินใจได้ไม่ยาก แต่ในทางการเมืองถ้าการเลือกตั้งไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น วิธีการสามานย์ทางการเมืองที่ห่างหายไปนานอาจจะกลับมาในเร็ววันนี้