เปิดกรุหุ้นโต
หุ้นโตมากเป็นพิเศษ เพราะของมันเห็นกันแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า หุ้นเหล่านี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าไงล่ะคะ
*วันนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่ประเทศไทยจะเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำให้ผู้คนรู้สึกฮึกเฮิมมากขึ้นกว่าเดิม และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงกลายเป็นอีกหนึ่งวันที่ทำให้ต่อมอะดรีนาลีนทำงานมากขึ้นกว่าปกติ พร้อมกับทำให้เดี๊ยนสนใจหุ้นโตมากเป็นพิเศษอีกด้วย เพราะของมันเห็นกันแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า หุ้นเหล่านี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าไงล่ะคะ
*สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเฉย ๆ เมื่อเห็นดัชนีทรุดลงเรื่อย ๆ เพราะของมันเห็นเต็มสองลูกตาว่า ตลาดกำลังอยู่ในช่วงของการตอบรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 จึงทำให้หุ้นหลายตัวตกอยู่ในภาวะ “ขึ้นก่อนงบ ลงหลังงบ” เลยต้องใช้เวลาในการเซ็ทตัวเพื่อทะยานขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิม ดัชนีถึงยืนปิดที่ระดับ 1,623.43 จุด ลบไป 0.88 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.67 หมื่นล้านบาทแบบหงอย ๆ พะยะค่ะ
*ยิ่งใครมองเรื่องการเมืองเป็นองค์ประกอบในการประเมินตลาดหุ้น ยิ่งได้เห็นความอุจาดสายตามากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะสุดท้ายมันเป็นแค่เรื่องคนบ้าอำนาจไม่มีที่สิ้นสุด ส่งผลให้สงครามดิสเครดิตแต่ละฝั่งออกมาไม่ขาดสาย และสุดท้ายก็พากันเสวยสุขบนความทุกข์ของประชาชนตาดำ ๆ (จำข้อสอบเอนทรานซ์รั่วได้ไหม) จึงไม่ควรให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าวมากนัก เพราะมันไม่มีด้านบวกให้พูดถึงเลยพับผ่าซิ!
*สำหรับหุ้นที่ “โมนิก้า” มองว่าไปได้ค่อนข้างสวย และมีสตอรี่ให้ตามติดชีวิต คงพุ่งเป้าไปยังน้องใหม่ไอพีโออย่างหุ้น TFM เพราะการเข้ามาเทรดในช่วงที่เศรษฐกิจต่ำสุดแล้ว และกำลังผงกหัวขึ้นอย่างช้า ๆ รวมทั้งธุรกิจอาหารสัตว์ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ก็อยู่ในช่วงของการขยายตัวต่อเนื่อง จึงมองราคาปิดที่ระดับ 14.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 7.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.56 พันล้านบาท ทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัวได้เลยจ้า!
*เช่นเดียวกับในรายของหุ้นนิคม AMATA ก็แกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ในกรอบ 17-20 บาท เป็นเวลานานถึง 7 เดือน ขณะที่เที่ยวนี้ประคองตัวเหนือระดับ 20 บาทร่วมครึ่งเดือน “โมนิก้า” จึงคิดว่า การยืนปิดที่ระดับ 20.40 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 120 ล้านบาท ท่ามกลางบริษัทข้ามชาติเข้ามาตั้งโรงงานมากขึ้น มันคือจังหวะของการเก็บหุ้นเพื่อถือลุ้นข่าวดีปลายปีนะจะบอกให้
*ส่วนรายที่ดีแน่ ๆ “โมนิก้า” คงให้เครดิตกับหุ้น CRC เพราะการปลดล็อกพื้นที่สีแดง และขยับไปเป็นโซนสีฟ้า พร้อมกับการใช้ชีวิตแบบลั้นลาอย่างสุดขีด น่าจะส่งผลดีกับหุ้นตัวนี้โดยตรง และประเด็นนี้ทำให้คาดหวังผลงานในไตรมาส 4 จะพลิกฟื้นอย่างมีนัยสำคัญ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 34.75 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 607 ล้านบาท โดยเที่ยวก่อนขึ้นไปถึง 38 บาท มันน่าสนใจอ๊ะป่าว?
*หุ้นอีกรายที่น่าสนใจเพราะลงเยอะ ทั้งที่ธุรกิจไม่ได้ย่ำแย่จนเกินเยียวยาอย่าง BCH ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะเมื่อดูการร่วงจากยอดด้านบนที่บริเวณ 27 บาทลงมาเรื่อย ๆ จนล่าสุดยืนปิดที่ระดับ 20.30 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 342 ล้านบาท ทั้งที่หุ้นเทรดบน PE 20 เท่า และมีแผนที่จะทำให้ปีหน้าโตอีกแบบนี้ จึงกลายเป็นหุ้นที่เดี๊ยนให้ราคามากเป็นพิเศษเจ้าค่ะ
*ในเมื่อเม้าท์ถึงการเปลี่ยนแปลงในปีหน้าขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอท้าวความถึงหุ้น T (ชื่อใหม่ PSG) อีกสักหน่อยดีกว่า เพราะทันทีที่ปรากฏชื่อ “ปณิชา ดาว” ถือหุ้น 80% พร้อมกับใส่เงินพันล้านเข้ามาในบริษัท และมีการดัน “ชัยยศ จิรบวรกุล” นั่งแท่นซีอีโอ เพื่อลุยงานรับเหมาห้าพันล้านในปีหน้า ก็ทำให้หุ้นตัวนี้มีสตอรี่ให้ตามยาว ๆ ไม่ต่ำกว่า 6 เดือนแบบนี้ คุณ ๆ ท่าน ๆ ต้องประเมินกันเอาเองว่า การยืนปิดที่ระดับ 0.63 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 8.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 152 ล้านบาท “สูง” หรือ “ต่ำ” เมื่อเทียบกับการเติบโตในอนาคตที่กำลังจะมาถึงนะจ๊ะ
*คล้ายกับหุ้นเทค BBIK ทะยานขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ล้วนเป็นผลพวงที่เกี่ยวเนื่องกับการขยับตัวของ SCBX ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า มันคือการขยับตัวครั้งใหญ่! และทำให้หุ้นเหาฉลามตัวนี้โตขึ้นอีกเยอะ “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการขึ้นมายืนปิดที่ 43 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62 ล้านบาท มาสุดซอยหรือยัง? และปีหน้าจะโตได้อีกไหม?..ถ้าคิดไม่ออกขอแนะนำให้ไปย้อนฟังประธานบริษัทที่ชื่อ “ธนา เธียรอัจฉริยะ” เคยให้มุมมอง เกี่ยวกับบริษัทนี้ไว้อย่างไร แล้วจะเข้าใจหมดทุกอย่างพะยะค่ะ