HFT ยางอ่อน.!?
HFT เดิมไม่ต่างจากหุ้นที่แอบอยู่ซอกตึก...เพราะถ้าดูในแง่ของปัจจัยพื้นฐานก็โอเคนะ...โดยเฉพาะปี 2563 กำไรพุ่งไปแตะ 412 ล้านบาทเลยทีเดียว
หุ้นบริษัท ฮั้วฟง รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ HFT เดิมไม่ต่างจากหุ้นที่แอบอยู่ซอกตึก…เพราะถ้าดูในแง่ของปัจจัยพื้นฐานก็โอเคนะ…มีรายได้เฉลี่ยปีหนึ่ง ๆ ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปีละ 200 กว่าล้านบาท โดยเฉพาะปี 2563 ทำผลงานได้ค่อนข้างดี กำไรสุทธิพุ่งไปแตะ 412 ล้านบาทเลยทีเดียว
อัตรากำไรสุทธิก็ไม่น้อย อยู่ที่ระดับ 10–15 % แถมเงินปันผลก็พอใช้ได้ ยีลด์ 3–4% ต่อปี
แต่น่าเสียดายหลบอยู่ซอกตึก ทำให้ไม่มีใครเห็นรัศมีที่เปล่งประกาย…
เพิ่งจะออกมาจากซอกตึกก็ช่วง 1 ปีที่ผ่านมานี่แหละ เห็นได้ชัดจากวอลุ่มเทรด จากเดิมเทรดกันวันละไม่กี่ล้านบาท ก็เพิ่มมาเป็นหลักร้อยล้านบาท โดยเฉพาะช่วงกลางปีที่ผ่านมาฮือฮามาก ทั้งในแง่วอลุ่มที่หนาแน่น และราคาหุ้นที่ดีดดิ้น ทำให้ระยะหลังกลายเป็นหุ้นที่ถูกหยิบมาเก็งกำไรกันเป็นพัก ๆ…
เนื่องจากถูกคาดหวังว่า ธุรกิจยางนอกและยางในของ HFT จะดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลิตยางป้อนให้กับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถจักรยานไฟฟ้า และรถขนส่งขนาดเล็ก ก็เลยทำให้หุ้น HFT อินเทรนด์อยู่พักหนึ่ง เป็นที่รู้จักของนักลงทุนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ถูกคาดหวังว่าผลดำเนินงานจะเติบโตต่อเนื่อง…
แต่พอเปิดงบไตรมาส 3/2564 ออกมาหงายเงิบกันเป็นแถว…จากกำไรสุทธิที่ลดลงกว่า 30% เหลือแค่ 92.21 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนทำได้ 138.65 ล้านบาท
ทำเอานักลงทุนเกิดอาการเซ็งเป็ดไปตาม ๆ กัน…สะท้อนได้จากราคาหุ้นวานนี้ (4 พ.ย.) เปิดตลาดมาปุ๊บ…ทิ้งดิ่งปั๊บ ลงไปตั้ง 8.05% ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นตัว กลับมาปิดตลาดที่ 7.90 บาท หรือปรับลดลง 2.47% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 91.43 ล้านบาท
ที่จริงในแง่ของรายได้จากการขายลดลงไม่เยอะนะ ลดลงแค่ 15.96 ล้านบาท หรือ 2.03% อยู่ที่ 769.51 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนทำได้ 785.47 ล้านบาท
แต่ตัวการที่ทำให้กำไร HFT ไม่น่าอภิรมย์ เกิดจาก 2-3 ปัจจัย…ไล่มาตั้งแต่ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น จากราคายางพาราที่ปรับตัวสูงขึ้น
ตามมาด้วยราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้น…เท่านั้นไม่พอ ยังเจอปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ซ้ำเติมอีก ทำให้ต้องแย่งชิงตู้คอนเทนเนอร์กัน ค่าระวางตู้สูงขึ้น ผลที่ตามมา HFT ต้องแบกต้นทุนที่สูงขึ้น
เรียกว่าเจอปัจจัยลบไป 3 ดอกเต็ม ๆ…เลยทำให้ HFT ตกอยู่ในสภาพยางรั่วอย่างที่เห็น…
แต่ดีนะเนี่ยที่ครึ่งปีแรกยังทำผลงานได้ดี จึงทำให้งบงวด 9 เดือนแรกปีนี้ยังเห็นกำไรสุทธิ 351.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.50 ล้านบาท หรือ 29.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนทำได้ 271.05 ล้านบาท
ก็พอกู้หน้าได้บ้าง…ไม่ดูแย่ไปซะหมด…
แต่คงต้องลุ้นกันต่อว่า ปัจจัยลบข้างต้นจะลากยาวแค่ไหน..?
โอเค…ตอนนี้ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์อาจคลี่คลายไปบ้าง แต่ที่น่าห่วงเห็นจะเป็นราคายางพาราและราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ซึ่งไม่รู้ว่าจะกดดันงบไตรมาส 4 มากน้อยแค่ไหน..? ต้องติดตามกันต่อไป
เอาเป็นว่า งบที่ออกมา อาจทำให้นักลงทุนผิดหวังไปบ้าง…แต่ก็คงไม่ถึงขั้นสิ้นหวังกับหุ้นตัวนี้หรอกมั๊ง..!?
…อิ อิ อิ…