BBL คาด Q4 กำไรโตดี
แนวโน้ม Q4/64 ของ BBL ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และเนื่องจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองที่จะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน
คุณค่าบริษัท
มีการวิเคราะห์กันว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564 ของ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL จะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองที่จะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐหนุนปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่มีทิศทางดีขึ้น
ประกอบกับแนวโน้มรายได้ค่าธรรมเนียมที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามช่วง High Season ของธุรกิจประกัน ในขณะที่แนวโน้มรายได้ดอกเบี้ยทรงตัวจากไตรมาสก่อน จากแนวโน้มการขยายพอร์ตสินเชื่อในช่วงปลายปี 2564 ที่จะทรงตัวหลังธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อในปี 2564 เอาไว้ที่ 3-4%
ทั้งนี้ทำให้ บล.เอเชีย เวลท์ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท สะท้อนปัจจัยบวกจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่ธนาคารสามารถควบคุมได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้ โดยปัจจุบัน 9 เดือนแรกของปี 2564 มีอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ 48%
อีกทั้งรายได้ค่าธรรมเนียม 9 เดือนแรกของปี 2564 ที่ปรับเพิ่มขึ้น 18% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากธุรกิจหลักทรัพย์และค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินเชื่อ ทั้งนี้กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2564 คิดเป็น 73.6% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2564
ส่วนปัจจุบันทาง BBL มี NPL Ratio อยู่ที่ 3.7% ปรับตัวลดลงจาก ณ สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 3.9% ในขณะที่ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) อยู่ในระดับสูงที่ 198.8% ในขณะที่สินเชื่อส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ต่ำกว่ากลุ่มอื่น ทำให้ภาพรวมคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ประกอบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองในระยะถัดไปจะทยอยปรับตัวลดลงตามลำดับ
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานขยับขึ้นมาอยู่ที่ 34,430.27 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 29,420.79 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 6,909.20 ล้านบาท หรือ 3.62 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4,017.50 ล้านบาท หรือ 2.10 บาทต่อหุ้น
โดยมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการบริหารต้นทุนเงินรับฝาก และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นผลของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากธุรกิจหลักทรัพย์ และการอำนวยสินเชื่อ รวมถึงกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานขยับขึ้นมาอยู่ที่ 99,126.76 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 88,100.19 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 20,189.07 ล้านบาท หรือ 10.58 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 14,782.99 ล้านบาท หรือ 7.74 บาทต่อหุ้น เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินให้สินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อกิจการต่างประเทศ รวมทั้งปริมาณเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ราคาเป้าหมายปี 2565 อยู่ที่ 180 บาท คำแนะนำ “ซื้อ” โดยปัจจุบันราคาหุ้นของ BBL ยัง Laggard อยู่เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่ม
….
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
- บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 456,380,968 หุ้น 23.91%
- สำนักงานประกันสังคม 99,567,700 หุ้น 5.22%
- UOB KAY HIAN (HONG KONG) LIMITED – Client Account 43,688,300 หุ้น 2.29%
- บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) 34,287,030 หุ้น 1.80%
- THE BANK OF NEW YORK MELLON 33,471,198 หุ้น 1.75%
รายชื่อกรรมการ
- นายปิติ สิทธิอำนวย ประธานกรรมการ
- นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร, กรรมการ
- นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่, กรรมการ
- นายอมร จันทรสมบูรณ์ กรรมการ
- นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการ