พาราสาวะถี

ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำหรือราคาแพง ต้องไปดูที่ต้นตอว่าเกิดจากอะไร จากนั้นค่อยวางแผนแก้กันให้เป็นระบบ ไม่ใช่คิดง่ายแล้วทำไปไม่ยั่งยืน


เรื่องไอเดียบรรเจิดแต่ไม่เอาไหน ต้องยกให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ปมให้ค่ายทหารปลูกผักชีเพื่อช่วยชาวบ้านแก้ไขปัญหาผักชีราคาแพง เป็นอะไรที่คนคาดไม่ถึงว่าสติปัญญาของผู้นำประเทศจะคิดได้เท่านี้ ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำหรือราคาแพง ต้องไปดูที่ต้นตอว่าเกิดจากอะไร จากนั้นค่อยวางแผนแก้กันให้เป็นระบบ ไม่ใช่คิดง่ายแล้วทำไปไม่ยั่งยืน แทนที่จะได้คะแนนนิยมหรือรับเสียงชื่นชม มันกลับจะเป็นความสมเพชในความคิดไปเสียฉิบ

เหมือนที่เคยหลุดวลีทองหลายครั้งหลายหน อยากให้ราคายางพาราดี แพง ไปขายดาวอังคาร หรือแนะนำปลูกพืชอื่นทดแทนในเรือกสวนไร่นา เพื่อแก้ไขปัญหาพืชผลที่ปลูกอยู่ราคาตกต่ำ หรือแม้กระทั่งบอกให้คนที่เป็นเกษตรกรหันมาเลี้ยงปลาในช่วงน้ำท่วม สิ่งเหล่านี้มันสะท้อนให้เห็นถึงวุฒิภาวะของคนเป็นผู้นำประเทศ มองเห็นถึงวิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกันก็เหมือนเป็นสูตรสำเร็จบ้านเมืองติดขัดอะไรก็อ้างตลอดว่าต้องให้ทหารเข้าไปช่วย เหมือนที่ตัวเองอ้างบุญคุณในการเสียสละทำการรัฐประหารนั่นปะไร

ความจริงไม่ใช่ว่ามีปัญหาเฉพาะหน้าจากม็อบไล่รัฐบาลในยุคสมัยที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นผบ.ทบ.แล้วจำเป็นต้องรัฐประหาร แต่มีการวางแผนกันนานถึง 3 ปี มิเช่นนั้นคงไม่มีกลไกที่เตรียมพร้อมสำหรับการสืบทอดอำนาจ รวมทั้งการวางกลไกทั้งหมดไว้เพื่อตัวเองและขบวนการ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็หนีความจริงไม่พ้น กลเกมที่วางแผนเมื่อมันไม่สอดรับกับสถานการณ์และปัญหาเฉพาะหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่คิดว่าดีมันจึงกลายเป็นการวางกับดับรัดคอตัวเอง

เห็นได้ชัดต่อความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นภายในพรรคสืบทอดอำนาจ ความจริงก็มองเห็นปลายทางกันตั้งแต่การไปเล่นระดมพลด้วยพลังดูดสารพัดชนิดกันแล้ว เมื่อพวกเขี้ยวลากดินมาสุมหัวกัน ย่อมไม่ได้มาด้วยใจที่มากไปด้วยอุดมการณ์และอยากจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น มันจึงเป็นเรื่องของกลุ่ม ก๊วนที่ถูกกวาดต้อนมาด้วยก้อนผลประโยชน์ เมื่อทุกอย่างคือการลงทุนมันจึงหนีไม่พ้นที่จะต้องถอนทุน บางคนบางพวกที่ยังไม่ถึงจุดที่คุ้มทุนหรือได้กำไรจนเป็นที่พอใจจึงต้องโหวกเหวกโวยวาย

ขณะเดียวกัน คนการเมืองในอดีตที่ผ่านมาเคยพร่ำบอกกันรุ่นสู่รุ่น การอยู่ยาวในอำนาจหากไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจริง ๆ หรือไม่ได้สร้างผลงานจนเป็นที่ประทับจิตถูกใจคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ ยากที่จะยืนระยะอยู่ได้โดยไร้ปัญหาใด ๆ สิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกำลังเผชิญก็คือสัจธรรมของการเมือง ปัญหาความไม่พอใจภายในพรรคสืบทอดอำนาจที่ไม่ได้รับการเหลียวแล แปรสภาพกลายเป็นความขัดแย้งถึงขั้นบาดหมางกับทั้งพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. และแตกหักกับเด็กในคาถาของพี่ที่รักของตัวเอง

สิ่งที่ดำเนินไปในเวลานี้ ยังต้องย้ำว่าคือการพักรบชั่วคราวหรือสงบศึกชั่วครู่ เพื่อที่จะดูทิศทางทางการเมืองผ่านการประชุมสภาสมัยนี้ที่ประเดิมด้วยเหตุสภาล่มไปหนึ่งรอบแล้ว และยังมีการเปลี่ยนตัวประธานวิปรัฐบาลอีกต่างหาก โดยผลพวงจากการต้องเปลี่ยนตัวมือประสานงานของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ก็เป็นการฉายภาพให้เห็นความเคลื่อนไหวภายในพรรคสืบทอดอำนาจที่แบ่งพวกแยกฝ่ายกลายเป็นฝ่ายพี่ใหญ่กับน้องเล็กอย่างชัดเจน

เด่นชัดยิ่งว่ารัฐมนตรีที่เป็นวอลเปเปอร์ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็จะเคลื่อนไหวและรับบัญชามาเพื่อเข้าไปสะสางปัญหาภายในพรรค ขณะที่ในพรรคก็มีมือไม้อันแข็งขันภายใต้การบัญชาการของพี่ใหญ่คอยดูแลอยู่ ดังนั้น มันจึงกลายเป็นเรื่องที่ว่ามีประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ พรรคเป็นฝ่ายเลือกแต่คนเซ็นลงนามอย่างผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังไม่ไว้วางใจ จึงต้องตั้งให้รัฐบาลในคาถาไปเป็นตัวประสานงานร่วมอีกชั้นหนึ่ง

หากจะอธิบายสิ่งที่พล่ามกันมาตลอดหลังความขัดแย้งที่รุนแรงว่าไม่มีอะไรมาทำให้แก๊ง 3 ป.แตกคอกันได้ สามพี่น้องจะรักกันจนตายจาก จึงเป็นเพียงวาทกรรมเพื่อกลบความขัดแย้งเท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงมันปรากฏรูปรอยของความไม่ไว้วางใจกันอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงเป็นเครื่องหมายคำถามว่าแล้วรัฐบาลเรือเหล็กจะยืนระยะยาวจนครบเทอมหรือไม่ สิ่งที่ วิษณุ เครืองาม เคยบอกไว้ช่วงที่มีการฟอร์มรัฐบาลหลังเลือกตั้ง สนิมเกิดแต่เนื้อในตน วันนี้เริ่มเห็นผลมีบาดแผลรอวันอับปางแล้ว

จากเดิมที่ไม่เคยให้ราคากับเสียงของส.ส.ในสภา คิดว่าทุกอย่างสั่งได้ แต่นั่นเป็นเพราะความใจกว้างของพี่ใหญ่และประสานแบบใจถึงของ ธรรมนัส พรหมเผ่า แต่เมื่อเกิดเป็นความขัดแย้ง แน่นอนว่าความบาดหมางที่มีย่อมนำมาซึ่งความไม่ไว้วางใจของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต่องานในสภา จึงมีการตั้งคนใกล้ตัวเข้าไปร่วมวงในนามวิปรัฐบาลหรือผู้ประสานงานฝ่ายรัฐบาล การที่ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีดีอีเอสบอกว่า ประธานวิปรัฐบาลต้องประสานกับนายกรัฐมนตรีได้ บ่งบอกนัยทางการเมืองได้ดี

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีคำสั่งตั้ง นิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคสืบทอดอำนาจเป็นประธานวิปรัฐบาล น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าการประสานงานในสภาจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยหรือไม่ เนื่องจากท่าทีของนิโรธ กับ วิรัช รัตนเศรษฐ อดีตประธานวิปรัฐบาลนั้นต่างกันชัดเจน หลายครั้งที่มีปัญหากับฝ่ายค้านจนทำท่าว่าจะทำให้งานในสภาเดินต่อไปไม่ได้ แต่สุดท้ายก็จบลงกันด้วยดี ซึ่งไม่มีใครกล้ายืนยันว่าสมัยประชุมนี้จะเป็นเหมือนเดิมหรือไม่

แม้แต่ สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านเองยังดักคอกันไว้แต่เนิ่น ๆ ประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ขอยึดแนวทางเดิมในการประสานงานร่วมกัน และสร้างแนวทางใหม่มาสร้างสรรค์การทำงาน โดยเฉพาะการพิจารณากฎหมายสำคัญต่าง ๆ และยึดว่าจะต้องทำให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นที่ศรัทธาของประชาชน ไม่ให้อำนาจอื่นมาบ่อนทำลายหรือด้อยค่าสภาฯ ที่สำคัญและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งก็คือการไปยึดติดกับคำว่า “ตัวกูของกูฝ่ายกู” อาจจะทำงานยาก มากไปกว่านั้นสัญชาตญาณของนักเลือกตั้งได้กลิ่นการหย่อนบัตรโชยมาแล้ว ความเข้มข้นในสภาก็จะตามมาด้วยเช่นกัน

Back to top button