พาราสาวะถี

เพื่อทำให้เห็นภาพว่าความบาดหมางที่เกิดขึ้นก่อนหน้าโดยเฉพาะกรณี 2 ป. กับ ธรรมนัส พรหมเผ่า แม่บ้านพรรคแกนนำรัฐบาลนั้นไม่มีอะไรติดใจกันแล้ว


คอการเมืองพากันจับตา 26 พฤศจิกายน ที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่งเทียบเชิญพรรคร่วมรัฐบาลกินข้าวกระชับสัมพันธ์ ที่ว่ากันว่าพรรคร่วมเป็นเพียงตัวประกอบ เพราะตัวละครหลักที่พรรคสืบทอดอำนาจต้องการให้มาร่วมในงานดังว่าคือ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ กับ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้เพื่อทำให้เห็นภาพว่าความบาดหมางที่เกิดขึ้นก่อนหน้าโดยเฉพาะกรณี 2 ป. กับ ธรรมนัส พรหมเผ่า แม่บ้านพรรคแกนนำรัฐบาลนั้นไม่มีอะไรติดใจกันแล้ว

แน่นอนว่าเวทีดังกล่าวยังจะเป็นการเปิดทางให้พรรคสืบทอดอำนาจได้ประกาศเสนอตัวผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย ต้องรอลุ้นสองทางคือ ท่านผู้นำจะไปร่วมงานหรือไม่ ถ้าไปร่วมแล้วจะมีคำตอบต่อการได้รับเทียบเชิญนี้อย่างไร ที่แน่ ๆ ถ้ามีการทำเช่นนั้น คงสร้างความอึดอึดใจให้กับสองพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะกับประชาธิปัตย์ไม่ใช่น้อย เพราะมีการชูตัว จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯ เหมือนกัน

มิหนำซ้ำ จากโพลมสธ.ล่าสุด อู๊ดด้ายังมีคะแนนนิยมในฐานะผู้มีความเหมาะสมจะเป็นนายกฯ คนต่อไป แซงหน้าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอีกต่างหาก ส่วนพรรคภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล ติดร่วมประชุมองค์การอนามัยโลกที่สวิตเซอร์แลนด์ จึงมอบหมายให้รองหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคไปร่วมงานแทน ซึ่งพรรคนี้คงไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เนื่องจากพร้อมที่จะเสียบได้ทุกฝ่ายทุกขั้วที่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ความหวังเรื่องจะเป็นพรรคที่ชนะเลือกตั้งนั้นตัดทิ้งไปได้เลย เวลานี้แค่รักษาเก้าอี้เดิมที่มีอยู่กับบรรดางูเห่าที่ดึงไปเข้าพรรคก็ลำบากแล้ว อย่างไรก็ตามการขยับเชื้อเชิญพรรคร่วมรัฐบาลร่วมโต๊ะอาหารเพื่อกระชับสัมพันธ์นั้น ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่คนส่วนใหญ่มองว่าฤดูกาลเลือกตั้งน่าจะมาถึงในเร็ววันนี้ แต่ก็จะมีคำอธิบายจากพรรคแกนนำรัฐบาลว่าที่ห่างหายกันไปเพราะสถานการณ์โควิดที่ไม่สามารถทำให้รวมตัวกันได้

เป็นเหตุผลที่ใช้แก้ตัวเท่านั้น ความจริงแล้วสถานการณ์ทางการเมืองว่าด้วยความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลก็มีปัญหาระหองระแหงกันมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาส.ส.ภาคใต้ของพรรคสืบทอดอำนาจกับประชาธิปัตย์ หรือจะพูดไปแล้วก็คือปัญหาระหว่างพรรคเก่าแก่กับพรรคแกนนำรัฐบาลเอง เนื่องจากความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ก็เกิดมาจากพวกเดียวกันดูดคนของตัวเองไป และก็เก็บกวาดหัวคะแนนและตีฐานเสียงของพรรคที่เคยเป็นอันดับสองเสียกระเจิง

ดังนั้น แม้ไม่มีสถานการณ์โควิด-19 การจะนัดหมายพบปะกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็เกิดขึ้นยาก ขณะเดียวกัน ท่าทีของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและบริวารแวดล้อมก็ไม่ได้ให้ราคากับนักเลือกตั้ง แต่หลังจากเหตุระทึกขวัญก่อนวันลงมติในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ท่านผู้นำได้รู้ซึ้งถึงก้นบึ้งหัวใจเลยว่าบรรดาพวกเขี้ยวลากดินนั้นจะวางตัวเหินห่างหรือไม่ให้ความสำคัญไม่ได้ จึงมีการปรับท่าทีและกระบวนการทำงานทางการเมืองจากหน้ามือเป็นหลังมือกันเลยทีเดียว

เดิมทีงานของสภาก็ยกให้เป็นหน้าที่ของส.ส.และพรรคสืบทอดอำนาจไปว่ากัน วันนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นจะเรียกว่ามีการเปลี่ยนท่าทีหรือต้องการใกล้ชิดกับบรรดานักเลือกตั้งเสียทีเดียวก็คงไม่ถูกนัก น่าจะเป็นความไม่ไว้วางใจต่อการโหวตที่จะเกิดขึ้นในสภาที่รัฐบาลต้องพึ่งพิงเสียงของส.ส.เพื่อผ่านกฎหมายที่สำคัญหลายฉบับเสียมากกว่า จึงเกิดการปรับเพื่อให้เสือหิวทั้งหลายได้มีความรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญ แต่ด้วยท่วงทำนองเช่นนี้ จึงทำให้พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. กล้าที่จะขับเคลื่อนงานการเมืองที่ตัวเองถนัดได้มากขึ้น

เมื่อน้องรักได้เห็นสัจธรรมแล้ว สิ่งที่พี่ใหญ่ได้เข้าไปวางรากฐานหรือแสดงความใจกว้าง ดูแลบรรดาส.ส.ทั้งในพรรคแกนนำรัฐบาลและพวกฝากเลี้ยงจากฝ่ายตรงข้าม รวมถึงความเคลื่อนไหวของเลขาธิการพรรคคู่ใจนั้น ไม่ใช่ต้องการตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแต่อย่างใด หากแต่มิติทางการเมืองว่าด้วยเรื่องของนักเลือกตั้งกับการขับเคลื่อนงานให้เดินหน้าแบบไม่สะดุด การดูแลอย่างถึงใจไม่แบ่งชั้นวรรณะถือเป็นเรื่องที่สำคัญ

หลังจากสั่งสอนน้องด้วยกระบวนท่าทางการเมืองจนทำให้เด็กในคาถาต้องกระเด็นตกเก้าอี้รัฐมนตรีไปถึงสองราย ความโกรธที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า เวลานี้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มด้วยความกระหยิ่มใจ เพราะสองเก้าอี้ที่เสียไปถือว่าคุ้มค่า ด้านหนึ่งทำให้สามารถฉายภาพของมิตรและศัตรูในพรรคได้ชัดขึ้น ทำให้การเดินเกมกระชับอำนาจในพรรคทำได้สะดวกและสบายใจมากขึ้น อีกด้านหลังการกุมสภาพในพรรคสำเร็จก็เป็นการสกัดดาวรุ่งไปในตัว ทำให้พรรคใหม่ที่กระแสแรงก่อนหน้ามีอันต้องล้มไม่เป็นท่าตามไปด้วย

ไม่เพียงทำให้พรรคที่น้องสองป.จะไปตั้งต้องแท้งไปตามระเบียบ ยังมีการดึงคนที่เป็นมือไม้ของน้องทั้งสองมาเข้าร่วมกับพรรคสืบทอดอำนาจด้วยอีกต่างหาก พร้อม ๆ กับการไสหัวพวกกบฎที่แสดงตัวเป็นปฏิปักษ์ถึงขนาดกล้าประกาศศักดาว่าจะดึงตัวส.ส.ภาคใต้ของพรรคที่มีทั้งหมดไปร่วมชายคาด้วย สุดท้ายกลายเป็นเพียงแค่ราคาคุย เพราะการลงไปพื้นที่ภาคใต้ของพี่ใหญ่เมื่อสุดสัปดาห์ที่บอกว่าไปเปิดสาขาพรรคนั้น ความจริงคือการไปวัดกระแสและดูแลบรรดาบริวารทั้งหลายอย่างถึงใจพระเดชพระคุณ

ตามสโลแกนใจถึงพึ่งได้ โดยมียี่ห้อคนแจกกล้วยอย่างธรรมนัสช่วยการันตี อย่างไรก็ตามกระแสของพรรคคู่แข่งอย่างเพื่อไทยก็ไม่สามารถมองข้ามได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงสำคัญอย่างกทม. เห็นอาการของ สิระ เจนจาคะ ที่เล่นใหญ่ซัด วิษณุ เครืองาม ว่าเข้าข้างพรรคเพื่อไทยมากกว่าพรรคแกนนำรัฐบาล ก็พอจะรู้ได้ว่าคนกรุงเทพฯ กับการเลือกตั้งครั้งหน้านั้นทิศทางเป็นอย่างไร ดีที่ว่าคนที่ถูกพาดพิงไม่ติดใจ มิหนำซ้ำ ยังออกไปในทางไม่ให้ราคาเสียด้วยซ้ำ ศึกในพรรคสืบทอดอำนาจระดับหัวอาจสงบชั่วคราว แต่ระดับหางยังมีพวกที่ส่ายไม่หยุด บางรายมีข่าวว่าอาจถูกตัดหางปล่อยวัดกันเลยทีเดียว

Back to top button