OR ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

OR น้ำมันและการค้าปลีกเพิ่งจะรายงานผลประกอบการงวด Q3/54 ออกมา กำไรกว่า 1,892 ล้านบาทหากเทียบกับ Q3/63 ลดลง 45%


OR หรือ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก

เพิ่งจะรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3/25654 ออกมา กำไรกว่า 1,892 ล้านบาท

หากเทียบกับงวดไตรมาส 3/63 ลดลง 45%

แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า คือ ไตรมาส 2/64 ลดลง 41%

แต่ไม่ว่าจะเทียบกับไตรมาสไหน กำไรที่ออกมานั้นต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์เขาคาดการณ์กันเอาไว้

ประเด็นที่น่าสนใจและน่าจะเป็นคำถามจากนักลงทุน

เมื่อกำไรออกมาต่ำกว่าคาด

เหตุใดราคาหุ้นวานนี้กลับวิ่งสวนขึ้นมาทั้งที่เป็น “ข่าวลบ” สำหรับ OR

เท่าที่เข้าไปอ่านบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ที่เขาวิเคราะห์หุ้น OR หลังแจ้งผลประกอบการออกมาล่าสุด

ต่างมองกันว่า OR ได้ผ่านพ้นช่วงเลวร้ายไปแล้ว

หรือผ่านช่วงที่ผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วล่ะ

หลังจากนี้ ผลประกอบการน่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น

นักวิเคราะห์บางคนถึงกับบอกว่า OR น่าจะฟื้นตัวได้แบบ V-shape

มาดูกันอีกครั้งว่า ทำไมเขาถึงมองว่า OR ผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้ว

เริ่มจากกำไรของ OR ที่หดตัวรุนแรง

ประเด็นหลัก ๆ มาจาก 1.กำไรจากธุรกิจน้ำมันลดลง

2.กำไรจากธุรกิจในต่างประเทศลดลง

3.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น

4.อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นไปเป็น 5.1% จาก 4.8% ในไตรมาส 2/64

และ 5.อัตราภาษีจ่ายที่สูงขึ้น

มีการวิเคราะห์กันว่า การคลายล็อกดาวน์ในประเทศไทยและหลายประเทศในอาเซียน

ปัจจัยนี้จะหนุนความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในไตรมาส 4/64

ดังนั้น ปริมาณขายของ OR มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแน่นอน เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2564 (แต่หากเทียบกับไตรมาส 4/63 ตัวเลขอาจจะยังลดลง)

ทำให้ปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานกลับมาอยู่ใน “ระดับปกติ”

ผลบวกจากประเด็นนี้จะช่วย “กลบ” ผลกระทบจากกำไรขั้นต้นที่ลดลงได้และหนุนให้กำไรของธุรกิจน้ำมันเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/64

ส่วนธุรกิจที่ไม่ใช้น้ำมันมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน

นำโดยยอดขายของ “กาแฟ” คาเฟ่อเมซอน จะปรับตัวดีขึ้น

ดังนั้น กำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/64

นั่น จึงเป็นที่มาของการคาดการณ์ว่า

OR ในไตรมาส 4/64 สถานการณ์จะดีขึ้น

ส่วนราคาหุ้นที่ลงมาบริเวณ 26.00 บาท เมื่อ 3-4 วันก่อนหน้า น่าจะสะท้อนกับปัจจัยลบของ OR ไปแล้ว และราคาอาจจะลงมามากเกินไป

อาจจะมีประเด็นที่นักลงทุนกังวลกัน

คือเรื่องที่รัฐเข้ามาแทรกแซงราคาน้ำมัน โดยเฉพาะ “ค่าการตลาด” ของ OR

มีการวิเคราะห์กันว่า แม้ OR จะได้รับผลกระทบจากประเด็นนี้

แต่เมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น น่าจะเข้ามาช่วยกลบกับปัจจัยลบดังกล่าวได้บ้าง

ราคาหุ้นจึงไม่น่าจะปรับลงไป

เว้นแต่จะมีปัจจัยลบใหม่เข้ามา “กระแทก” แบบรุนแรง

แม้ว่าราคาหุ้นไม่น่าจะลงไปมากกว่านี้

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ราคาจะวิ่งขึ้นไปร้อนแรง เพราะ OR ต้องมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนจากการลงทุนใหม่

และจะต้องเป็นการลงทุนใหม่ ๆ หรือเป็นดีลขนาดใหญ่ที่เมื่อฟังแล้วจะต้องร้อง “ว้าว”

หากดีลไม่ว้าว

ราคา OR คงยากที่จะขยับขึ้น

และคงวนเวียนอยู่ในกรอบ 26–28 บาท ไปแบบนี้

Back to top button