บลูชิพโดนกด (อีกแล้ว)

ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของตลาดหุ้นต่างประเทศ แถมผลประกอบการ Q3 ดันออกมาต่ำกว่าคาด ย่อมส่งผลกับหุ้นบลูชิพอย่างเลี่ยงไม่ได้


*ในสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของตลาดหุ้นต่างประเทศ แถมผลประกอบการไตรมาส 3 ดันออกมาต่ำกว่าคาด ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงกับหุ้นบลูชิพอย่างเลี่ยงไม่ได้ และทำให้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวรอให้ทุกอย่างนิ่งขึ้นกว่านี้ ต่อจากนั้นถึงจะเห็นการเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ในอาการผลุบ ๆ โผล่ ๆ ตามปัจจัยภายนอกไงล่ะคะ

*เมื่อหุ้นใหญ่โดนกระทบเป็นระลอกตลอดเวลา ดัชนีจึงไม่มีแรงขยับขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมสักที และการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,630.47 จุด ลบไป 1.22 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.79 หมื่นล้านบาท ถือว่าโชคดีมาก ๆ “โมนิก้า” จึงเข้าใจเหตุผลที่หุ้นบางตัวไม่ได้ไปต่อ และย่อตัวลงมาตั้งฐานเพื่อรอวันฟ้าเปิดอีกครั้ง ขณะเดียวกันต้องยอมรับความจริงที่ว่า หุ้นตัวไหนที่มีผลงานผิดไปจากที่คาด ก็ต้องโดนจัดหนักไปตามระเบียบนะจะบอกให้

*วันนี้เลยต้องถามกลับไปว่า เรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ย และเรื่องเงินเฟ้อพุ่งขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งการลดวงเงินคิวอี มีผลต่อตลาดหุ้นไทยนานแค่ไหน? ขณะเดียวกันก็อยากให้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ และการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ รวมถึงจำนวนคนติดเชื้อโควิดในแต่ละวัน ส่งผลต่อการเบ่งกำไรของบริษัทจดทะเบียนขนาดไหน? เพราะประเด็นดังกล่าวเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่บอกให้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยจะไปได้ไกลแค่ไหนน่ะซี

*เหมือนแรงขายที่ถล่มใส่หุ้น MTC ตั้งแต่เช้าจรดเย็นวานนี้ ล้วนมาจากกำไรไตรมาส 3 ออกมาแย่กว่าคาด ทุกคนเลยมองว่า สถานการณ์ในไตรมาส 4 ก็คงไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ จึงรินหุ้นที่มีอยู่ในพอร์ตออกมาเรื่อย ๆ จนหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 61 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 3.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.83 พันล้านบาท กลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้ทุกคนต้องถอยร่นเป็นการชั่วคราว เพราะดูทรงแล้ว..ไม่ค่อยดีค่ะ

*ส่วนรายที่ทำท่าจะฟื้น แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ฟื้นอย่าง KTC กลายเป็นช็อตที่ทำให้นักเล่นปวดกบาลไปตามกัน หลังราคาหุ้นม้วนตัวลงมายืนที่เดิมอีกครั้ง “โมนิก้า” จึงขอเดาว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของบริษัทเต็ม ๆ และข้อมูลหลายอย่างชี้ว่า การกลับไปโตกระหึ่มไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป หุ้นจึงทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 57.25 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 694 ล้านบาทแบบไร้ทางสู้เจ้าค่ะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องกลับมาเอ่ยถึงหุ้นถ่านหิน LANNA เพื่อชี้ให้เห็นสถานภาพของหุ้นดูแย่ลงเรื่อย ๆ แม้วันก่อนจะผงกหัวให้เห็นเป็นขวัญตา แต่วานนี้ก็ร่วงผล็อยลงมาปิดที่ระดับ 17.90 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 5.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 286 ล้านบาท ท่ามกลางความกังวลที่ว่า ราคาถ่านหินจะลดลงอีกไหม? และกำไรในปีหน้าจะไม่พีกเหมือนปีนี้? จึงกลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายนักเล่นดีเหลือเกินนะจ๊ะ

*ขนาดหุ้นปันผลงามหยดย้อยอย่าง INTUCH ยังถูกรินหุ้นออกมาเรื่อย ๆ ทั้งที่พื้นฐานไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่น่ากังวล “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ 75.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 302 ล้านบาท ยังเป็นช็อตที่น่าตามไปดูไหม? แถมเมื่อดูจากการขึ้นไปแตะ 78 บาทเที่ยวก่อน ต่อจากนั้นย่อตัวลงมาตั้งลำแถว 73 บาท ก็เป็นเกมที่อาศัยความไวพอสมควรนะนายจ๋า

*อีกรายที่น่าจับตาคงเป็นหุ้นปลากระป๋อง TU ซึ่งเบนเข็มมาทำเรื่องซินเนอยีมากขึ้นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ต้องตามดูอีกเช่นกัน เพราะราคาหุ้นออกไปในโทนซึมลงต่อเนื่องเฉยเลย ทั้งที่คนส่วนใหญ่ยังมองเป็นดาวเด่นที่เหมาะต่อการเล่นแบบนี้ “โมนิก้า” จึงต้องให้แฟน ๆ ประเมินการยืนปิดที่ระดับ 20.10 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 591 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 13 เท่า น่าสนใจขนาดไหน?..ลองถามใจเธอดูนะคะ

*ตบท้ายกันที่หุ้นสตอรี่สวยอย่าง ORI กันสักหน่อย เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 11.80 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 190 ล้านบาท เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า หุ้นเตรียมพร้อมที่จะระเบิดฟอร์มใหญ่ในไม่ช้า ยิ่งมีการดันบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้น ยิ่งเพิ่มแวลูให้กับหุ้นแม่โดยตรง “โมนิก้า” ถึงเชื่อเหลือเกินว่า ไม่น่าจะมีการกดหุ้นให้ราคาต่ำเรี่ยดินอีกแล้ว เพราะสตอรี่ในการเติบโตมันชัดเจนสุด ๆ ไงล่ะคะ

Back to top button