ขายก่อนได้เปรียบ!โมนิก้าและทีมงาน
*อันที่จริงดัชนีควรจะแกว่งตัวออกด้านข้างมากกว่ากระชากขึ้นอย่างร้อนแรง เพื่อเป็นการยืนยันแรงซื้อที่เข้ามาในเที่ยวนี้เป็นการลงทุนที่ยาวขึ้นกว่าเดิม แต่ทันทีที่ดัชนีพุ่งขึ้นอย่างพรวดพราดก็ทำให้ “โมนิก้า” ต้องกลับมานั่งคิดทบทวนสถานการณ์ของตลาดหุ้นใหม่ เพราะสิ่งที่แสดงออกมาในเที่ยวนี้เป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ขึ้นขาย ลงซื้อ” นั้นถูกต้องแล้วนะจ๊ะ
*อันที่จริงดัชนีควรจะแกว่งตัวออกด้านข้างมากกว่ากระชากขึ้นอย่างร้อนแรง เพื่อเป็นการยืนยันแรงซื้อที่เข้ามาในเที่ยวนี้เป็นการลงทุนที่ยาวขึ้นกว่าเดิม แต่ทันทีที่ดัชนีพุ่งขึ้นอย่างพรวดพราดก็ทำให้ “โมนิก้า” ต้องกลับมานั่งคิดทบทวนสถานการณ์ของตลาดหุ้นใหม่ เพราะสิ่งที่แสดงออกมาในเที่ยวนี้เป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ขึ้นขาย ลงซื้อ” นั้นถูกต้องแล้วนะจ๊ะ
*ฉะนั้นการที่ดัชนีทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,425.32 จุด บวกไป 20.24 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.42 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นกลุ่มบลูชิพกลับมาแสดงกำลังภายในให้เห็นอีกครั้ง ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดว่า การวิ่งขึ้นเที่ยวนี้เกิดจากอิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศ หรือเกิดจากความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจในประเทศ เพราะข้อมูลในส่วนนี้จะเป็นตัวบอกให้รู้ว่า หุ้นจะไปยาวแค่ไหนเจ้าค่ะ
*ในเมื่อเรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นที่ทำให้นักเล่นเกิดข้อถกเถียงมากมาย แต่สำหรับแนวความคิดของนักเล่นรอบถือว่า จังหวะนี้ต้องทำตัวโหนกระแสไว้ก่อน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติที่พบเห็นได้เป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นพลิกตัวกลับแรงๆ เพราะเที่ยวนี้เป็นการกลับมาซื้อของนักลงทุนสถาบันทุกกลุ่ม จึงเห็นการเคาะขวากันอย่างหนุบหนับพะยะค่ะ
*โดยเฉพาะในรายของ KBANK ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนจะวิ่งขึ้นมาปิดที่ 189 บาท บวกไป 6 บาท หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่า 2.26 พันล้านบาท ถือเป็นการยกระดับขึ้นไปอีกขั้นของหุ้นพิมพ์นิยม หลังจากนักวิเคราะห์เชียร์ให้ซื้อเยอะแยะไปหมด และการขึ้นรอบนี้ก็คงเป็นไปตามเป้าแรกที่หวังไว้แล้ว ขั้นต่อไปต้องดูว่า หากแรงซื้อมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เป้าถัดไป 200 บาทก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมนะจ๊ะ
*ส่วนดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง SCI กลายเป็นทางเลือกหลักสำหรับคนที่นิยม “ของใหม่ ของสด ของดี” ไปเสียแล้ว หลังแรงซื้อทยอยเข้ามาตลอดทั้งวัน จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.65 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 9.30% ด้วยมูลค่า 1.38 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นข้อมูลที่น่ารับฟังเป็นอย่างยิ่ง และวันนี้ก็น่าติดตามดูอีกหนึ่งวันว่า หุ้นตัวนี้จะวิ่งไปได้ไกลขนาดไหนพะยะค่ะ
*ถ้าประเมินสถานการณ์ของหุ้นบางตัวไม่ออก “โมนิก้า” ขอให้แฟนคลับหันมามอง ORI เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจแมงเม่าสักหน่อยว่า การขายหมูที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้โทษใครดี? ระหว่าง เจ้าของบริษัท กับ แกนนำจัดจำหน่าย หรือจะเหมารวม ก.ล.ต. กับ ตลาดฯ เข้าไปด้วยก็ได้ เผลอๆ อาจพ่วงโบรกเกอร์นกรู้บางแห่งเข้าไปอีก สุดท้ายก็จับมือใครดมไม่ได้อีกตามเคย ขณะที่วานนี้หุ้นปิดที่ 12.80 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้น 10% มันเป็นภาพที่บาดตาบาดใจแมงเม่าเสียจริงๆ นะคะ
*เหมือนกับสถานการณ์ของหุ้น SCN ที่เด้งขึ้นอย่างต่อเนื่องในเที่ยวนี้ เอาเข้าจริงๆ ก็เป็นแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันล้วนๆ หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 10.10 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 8.60% ด้วยมูลค่า 730 ล้านบาท พร้อมกับมีการเล่นข่าวผลงานเข้าตากรรมการอีกรอบนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นมุกเดิมๆ ที่นำมาใช้กันเป็นประจำทุกปี แต่ยังใช้ได้ผลเหมือนเดิม หุ้นถึงต้องไปต่อไงล่ะค่ะ
*ส่วนกรณีของ BAY ซึ่งเคยมีการดันหุ้นแบบสุดโต่งให้เห็นมาแล้วในช่วงต้นปี และสุดท้ายก็ไม่มีคำตอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงไม่ต้องคาดหวังอะไรมากมายกับการขึ้นเที่ยวนี้ เพราะมันไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆ จึงไม่ใช่หน้าที่ของ “โมนิก้า” ต้องออกมาชี้แจงแทนคนอื่น หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 37.50 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาทแบบมึนๆ งงๆ นะซี
*เช่นเดียวกับในรายของ TPIPL หากพิจารณาจากความเป็นจริงจะเห็นว่า การขึ้นมาปิดที่ 2.76 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 6% พร้อมกับขึ้นมาติดในกระดาน most active มันเป็นเกมที่นักลงทุนสถาบันคุมไว้หมดแล้ว วานนี้หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่จุดสูงสุดของวันอย่างง่ายดาย พร้อมกับทำท่าจะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 3 บาทอีกรอบ มันเป็นช็อตที่เหมาะต่อการเล่นสั้นๆ เพื่อหาค่าขนมให้เด็กๆ นะคะ
*สำหรับคนที่อยากหาค่าเทอมก้อนใหญ่ๆ “โมนิก้า” คงต้องหันมามอง MTLS เพราะเป็นหุ้นที่ติดตามผลอย่างใกล้ชิด และเหตุผลที่ทำให้หุ้นอ่อนตัวลงก่อนหน้านี้เกิดจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบัน แต่ในเมื่อนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวหวนกลับเข้ามาซื้ออีกรอบ หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 17.40 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 6% พร้อมกับขึ้นมายืนเหนือแนวต้าน 17 บาทได้สำเร็จแบบนี้..บอกตรงๆ ว่า มีลุ้นขึ้นไป 20 บาทเหมือนกับที่เดี๊ยนเม้าท์ให้ฟังเมื่อวันก่อน..ไม่เชื่อลองถาม “เฮียแกะ” คนที่ปลุกปั้นหุ้นตัวนี้ดูก็ได้..อิอิอิ
*ป.ล. เดี๊ยนเห็นด้วยที่นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างหนักหน่วง เพราะปรัชญาการลงทุนในปี 58 พุ่งเป้าที่กำไรเมื่อไหร่ ก็ขายออกไปทันที..ขายหมูไปเรื่อยๆ ดีกว่าขายขาดทุน..ใช่มั้ย!