IRPC กับค่าโง่ของนักลงทุน
ราคาหุ้นของ IRPC ในเครือปตท. ทำให้มีคำถามว่านักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทยเป็นคนไร้เหตุผล แต่ตาถั่วชนิดมองไม่เห็นของดีที่ใกล้มือ
ราคาหุ้นของบริษัทปิโตรเคมีที่ครบวงจรอย่าง บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ในเครือปตท. ทำให้มีคำถามว่านักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทยเป็นคนไร้เหตุผล แต่ตาถั่วชนิดมองไม่เห็นของดีที่ใกล้มือ อย่างหน้าตาเฉยเสมือน “ไก่ได้พลอย” ได้อย่างไรกัน
คำตอบคงไม่ถึงกับเช่นนั้นเพราะการซื้อขายหุ้นที่ตามกระแสราคาที่ต่ำเกิน ตามความเคยชิน เลยมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่พื้นฐานของบริษัทที่โดดเด่นเกินคาด
หากมองจากมุมนี้ คงจะอธิบายถึงการที่ราคาหุ้นที่ทำท่าจะหล่นลงไปใต้ 4.00 บาท ทั้งที่ราคาตามมูลค่าที่แท้จริงทางบัญชีของกิจการพุ่งสวนทางขึ้นไปอย่างไม่น่าเชื่อทำนิวไฮทุกไตรมาสต่อเนื่องกัน จะบอกว่าเพราะเหตุราคาขึ้นไปยืนเหนือ 5.00 บาทไม่ได้ เลยร่วงลงมาตามสัญญาณทางเทคนิคก็ดูกระไรเลยมากไปสักนิด หาเหตุผลไม่ได้
ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้สิ้นไตรมาสสามมีกำไรสุทธิโดดเด่นอย่างมากทะลุ 1.2 หมื่นล้านบาทเข้าไปแล้ว และคาดหมายว่าหากไตรมาสสี่ที่กำไรสุทธิกลับมาปกติแล้ว คาดหมายว่าจะมีกำไรเกิน 1.5 หมื่นล้านบาทในสิ้นปีนี้แน่นอน เป็นสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี
กำไรสุทธิไตรมาสสามของปีที่แม้จะลดฮวบกว่าไตรมาสที่สองกว่าครึ่ง เพราะเหตุที่มีแต่กำไรปกติ ไม่มีกำไรพิเศษเข้ามาเหมือนไตรมาสนั้น ก็ยังถือว่าดีเกินคาด และส่งผลให้มูลค่าตามบุ๊กแวลูของบริษัทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 4.16 บาท เทียบกับราคาตลาดแล้วถือว่าราคาหุ้นต่ำกว่าพื้นฐานเกินจำเป็น ยิ่งเมื่อพิจารณาจากอัตรากำไรสุทธิล่าสุดที่มากกว่า 7% ถือว่าเทียบเท่ากับหุ้นเลยทีเดียว
ล่าสุดนายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ออกมาบอกใบ้ว่า คาดว่าราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 4/2564 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาส 3/2564 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการที่ราคาของ LNG, LPG และถ่านหินเพิ่มสูงขึ้นมากทำให้คาดการณ์ว่าจะมีความต้องการใช้น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนการใช้เชื้อเพลิงดังกล่าวในช่วงฤดูหนาว
นั่นหมายความว่าตัวเลขการขาดทุนจากสต๊อกจะไม่เกิดขึ้นในงวดสุดท้ายของปีนี้
กลุ่มโอเปกและพันธมิตร มีแนวโน้มที่จะเพิ่มการผลิตตามแผนเดิมคือ 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้การเพิ่มอุปทานน้ำมันดิบในตลาดต่ำกว่าอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นต่อไป แม้จะมีการเรียกร้องจากหลายประเทศให้มีการปรับเพิ่มการผลิตให้มากขึ้น เพื่อควบคุมราคาของน้ำมันดิบไม่เกิดขึ้น
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายมากขึ้น เนื่องจากการกระจายวัคซีน ครอบคลุมมากขึ้น ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และเริ่มเปิดประเทศ ซึ่งส่งผลบวก อีกทั้งการที่โรงงานปิโตรเคมีในประเทศจีนหลายแห่งต้องปรับลดกำลังการผลิต หรือบางแห่งต้องปิดโรงงาน รวมถึงอาจมีการเลื่อนกำลังการผลิตใหม่ออกไป จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมากจากประเทศจีนในช่วง 1-3 ปีนี้
สถานการณ์รอบด้านที่ทำให้ตลาดปิโตรเคมีเป็นขาขึ้นยาวนานจากการที่อุปสงค์จากการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าการแพทย์ และสุขภาพอนามัย รวมทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์จะยังคงอยู่ในระดับสูง ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคในวิถี New-normal ที่ส่งผลบวกต่อโครงการผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอ (Non-woven Fabric) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสำคัญในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ได้แก่ หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ผ้าอ้อมเด็ก/ผู้ใหญ่และแผ่นกรองอากาศ IRPC จึงเป็นจังหวะที่ดีในการถือเป็นการขยายธุรกิจ ต่อยอดนวัตกรรมที่เกิดประโยชน์กับประเทศ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี
พื้นฐานที่ดีเยี่ยมสวนทางกับราคาที่ยังเพิ่มต่ำกว่าบริษัทในตลาดกลุ่มเดียวกัน เหมาะที่จะทำให้การสะสมหุ้นในพอร์ตลงทุนของ IRPC มีเหตุผลเพียงพอ…นี้ผู้บริหารของบริษัทไม่ได้เอ่ย แต่นักวิเคราะห์พากันให้ราคาเป้าหมายของราคา IRPC ที่เหนือ 5.00 บาท หรือมีราคาอัพไซด์ 20% จากราคาตลาดปัจจุบัน
ราคาขายเฉลี่ยของผลิคภัณฑ์ปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น 7% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 2% จนกำไรไตรมาสสามดีเกินคาด จะยังคงมีผลต่อเนื่องจนถึงกลางปีหน้า คือปัจจัยบวกที่ทำให้กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิที่ดีเยี่ยมผลิดอกออกผลต่อไปอีก น่าจะทำให้ราคาหุ้นที่ต่ำเกินจริงของ IRPC กลับมาน่าสนใจอีกครั้งในยามที่ค่าพี/อีต่ำสุดในรอบ 5 ปี
ใครไม่ซื้อสะสมยามนี้ ถือว่าไม่ใช่วีไอ.ตัวจริง และปล่อยให้การขายหมูเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาถือว่าเป็นค่าโง่แบบการทิ้งสเปโตหรือแหม่มโพดำเลยทีเดียว
หากจะโดน “น็อกมืด” ก็ไม่แปลก