‘จีน’ ขุมกำลัง 5G ใหญ่สุดของโลก
จีนสร้างสถานีฐานรับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร 5G แล้วเสร็จมากกว่า 1,150,000 แห่ง หรือคิดเป็นประมาณ 70% ของสถานี 5G ทั่วโลก
รายงานข่าวจากสำนักข่าวซินหัว อ้างอิงกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ที่มีการให้ข้อมูลล่าสุดว่า จีนสร้างสถานีฐานรับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร 5G แล้วเสร็จมากกว่า 1,150,000 แห่ง หรือคิดเป็นประมาณ 70% ของสถานี 5G ทั่วโลก
นั่นจึงทำให้เครือข่ายบริการ 5G ของจีน เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่สุดและมีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดของโลก ปัจจุบันให้บริการลูกค้ามากกว่า 450 ล้านคน คิดเป็น 80% ของลูกค้า 5G ทั่วโลก
โดยการสร้างเครือข่ายบริการ 5G ที่เป็นอิสระและมีขนาดใหญ่สุดในโลก เป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจีน ระยะ 5 ปี (ฉบับที่ 14) ของจีน ทำให้อัตราการมีสัญญาณ 5G ใช้งานในจีนแผ่นดินใหญ่ ปัจจุบันอยู่ที่ “ประชากรทุก 10,000 คน มีสถานีฐาน 5G ใช้ 26 แห่ง”
สำหรับสถานี 5G มีอยู่ทั้งพื้นที่เมืองและชนบททั่วประเทศ ได้รับการตรวจสอบว่า มีคุณภาพเยี่ยมและพร้อมใช้งานได้ทันที พร้อมทั้งมีการประเมินว่าจำนวนผู้ใช้งานเครือข่าย 5G ในจีน มีแนวโน้มสูงถึง 560 ล้านคนภายในปี 2566 และโทรศัพท์มือถือมากกว่า 40% จะใช้สัญญาณ 5G
สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศจีน ประเมินว่าระหว่างปี 2563-2568 มูลค่าเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดย 5G เชิงพาณิชย์ทางตรงจะมีมูลค่า 10.6 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 53 ล้านล้านบาท) และมูลค่าขับเคลื่อนทางอ้อม 24.8 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 124 ล้านล้านบาท)
โดยปีนี้ (ค.ศ. 2021) เป็นปีที่ครบรอบ 100 ปีของการสถาปนาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ทำให้การประชุมสภาประชาชน (NPC Meeting) ที่ผ่านมา จีนประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14 (China’s 14th Five-year Plan) ถือเป็นแผนยุทธศาสตร์ชาติ ที่กำหนดทิศทางของจีนช่วงปี 2021-2025 (พ.ศ.2564-2568)
การจัดทำ China’s 14th Five-year Plan รอบนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (Xi Jinping) เข้ามามีบทบาทร่วมวางแผนด้วยตนเอง จากเดิมที่เคยมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและทีมบริหารเศรษฐกิจ และแผนฉบับนี้มีเป้าหมาย คือการสร้างคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน แผนยุทธศาสตร์ฉบับดังกล่าว ถือว่ามีความน่าสนใจควบคู่กับการลงทุนในตลาดหุ้นจีนด้วย
โดยจีนให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านนวัตกรรมอย่างมาก โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ Digital Economy ขึ้นมามีสัดส่วนประมาณ 10% ของ GDP ในปี 2025 ด้วยการเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี 5.0 ทั้งเทคโนโลยี 5G, AI (Artificial Intelligence), Internet of Things, Smart Cities และ Semiconductors
อีกทั้งตั้งเป้างบประมาณการลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปี และการเพิ่มจำนวนการจดสิทธิบัตรนวัตกรรมประเภท High-value Innovation ส่งผลให้จีนกลายเป็นประเทศ ที่มีงบประมาณเพื่อใช้เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาสูงสุดในโลก
ย้อนกลับดูยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ของไทย ที่ดูแล้วมีเนื้อหากว้างจนไร้จุดโฟกัส มีเพียงวลีสวยหรู “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เท่านั้นเอง..!!