สามานย์การเมืองนิ่ง
หลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ หลังรัฐสภาคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปิดพื้นที่ทางการเมืองของพลังที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ทั้งในและนอกสภา
หลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ หลังรัฐสภาคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปิดพื้นที่ทางการเมืองของพลังที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ทั้งในและนอกสภา
เครือข่ายอำนาจก็ดูเหมือนจะมั่นคง “การเมืองนิ่ง” ทั้งในแง่กลไกอำนาจ ทหาร ตำรวจ รัฐราชการ กระบวนการยุติธรรม และกลไกการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลแน่นเหนียว เป็นหนึ่งเดียวกับ 250 ส.ว.
แต่การเมืองนิ่งแปลว่าอะไร แปลว่าประยุทธ์จะอยู่อีกยาว ทั้งที่ล้มเหลวตกต่ำ เพราะเครือข่ายอนุรักษ์ต้องการผู้นำแข็งกร้าว ใช้อำนาจกดปราบฝ่ายตรงข้าม โดยไม่แยแสว่าไร้ความสามารถเพียงไร
พูดง่าย ๆ ประยุทธ์จะไม่ยุบสภา ไม่ว่าล้มเหลวเพียงไร ถ้าไปไม่ไหวจริง ๆ ต้องเปลี่ยนนายกฯ ก็ยังใช้ตำรวจทหาร เช่นหลังกันยา 65 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ก็สามารถเป็นแคนดิเดตนายกฯ
การเมืองนิ่งจึงแปลว่า คนไทยจะต้องทนฟังความคิดขี้เท่อ ให้ทหารปลูกผักชี ใช้รถทหารขนส่งสินค้า หรือ 1 ข้าราชการ 1 ครอบครัว ไปอีกนาน
การเมืองนิ่งยังแปลว่า พรรคร่วมรัฐบาลสถานภาพมั่นคง ไม่ว่าจะทำอะไรโจ๋งครึ่มเพียงไร ปั่นโปรเจกต์หาเสียง สะสมกระสุนเตรียมเลือกตั้ง ไม่ต้องเกรงใจทั้งประยุทธ์และ ส.ส.พลังประชารัฐที่ทำตาปริบ ๆ
พรรคไหนได้ประโยชน์ที่สุดจากการร่วมรัฐบาล ไม่ใช่พลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทยต่างหาก ทั้งคุมอภิมหาโปรเจกต์คมนาคม คุมสาธารณสุขจัดซื้อวัคซีน ATK คุมท่องเที่ยวเปิดประเทศ รองลงมาคือประชาธิปัตย์ คุมเกษตร พาณิชย์ ถุงมือยาง จุรินทร์เดินสายช่วงชิงความนิยมจากประยุทธ์ โพนทะนาความสำเร็จประกันราคาพืชผล แบบเอ่ยปากชมตัวเอง ไม่รอให้คนอื่นชม
ในโค้งสุดท้าย พรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่มก๊วนในพลังประชารัฐ จะยิ่งโจ๋งครึ่มไม่เกรงใจประยุทธ์ตกต่ำ เพราะยังไง ประยุทธ์และเครือข่ายอำนาจก็ต้องพึ่งพิง
เศรษฐกิจไทยที่เพิ่งฟื้นจากโควิด จึงจะอยู่ใต้รัฐบาลที่อำนาจมั่นคง แต่ไร้หัวคิด ไร้ประสิทธิภาพ ไร้เอกภาพ ช่วงชิงกันหาประโยชน์เฉพาะหน้า
ค่าไฟแพง น้ำมันขึ้น ค่าครองชีพสูง หนี้ครัวเรือนพุ่ง ก็จะประทังไปด้วยบัตรคนจน คนละครึ่ง กล้าสร้างหนี้แต่ไม่กล้าลดภาษีน้ำมัน เพราะกลัวถังแตก
ในระยะเฉพาะหน้า หลังเปิดประเทศ เศรษฐกิจจะดูเหมือนลืมตาอ้าปาก แต่อีกนานกว่านักท่องเที่ยวจะกลับมา 40 ล้านคน การส่งออกการลงทุนก็โดนเวียดนามแซงหน้า นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนัก ทั้ง TDRI แบงก์ชาติ กระตุ้นให้รัฐบาลปรับโครงสร้าง ทั้งเทคโนโลยีดิจิทัล คุณภาพแรงงาน คุณภาพการศึกษา (ทักษะภาษาอังกฤษต่ำสุด) กฎระเบียบราชการ ฯลฯ
แต่ด้วยรัฐบาลที่มีแต่ทหารไร้หัวคิด นักการเมืองหวังประโยชน์ และรัฐราชการศักดินา จะปรับโครงสร้างอะไร ยกระดับคุณภาพการศึกษา อะไรคือเป้าหมาย หวังให้เด็กคิดเป็น หรือหวังครอบงำไม่ให้โตมาชูสามนิ้ว
ประเทศไทยหวังการลงทุน FDI ขณะที่ผู้รายงานพิเศษ UN ด้านเสรีภาพ ทวีตผิดหวังศาลรัฐธรรมนูญ ประชุม UPR หลายประเทศก็เรียกร้องให้ทบทวน 112 และเสรีภาพการชุมนุม
แหงล่ะ มันไม่มีผลต่อการจัดอันดับประเทศน่าลงทุนหรอก จับคนเข้าคุกอีก 2-3 พัน สถาบันจัดเรตติ้งก็ยังบอกว่าน่าลงทุน ๆ แต่คนจะลงทุนก็ต้องหาข้อมูล ประเทศไทยเคยมีเสรีภาพมากที่สุดในภูมิภาคนี้ เมื่อเพดานเสรีภาพลดต่ำลง ทั้งทางการเมืองวัฒนธรรม เป็นประเทศที่น่าอยู่น้อยลง ศักยภาพการแข่งขันก็ลดลง หนีไปเวียดนามเสียดีกว่า
สื่อต่างชาติไม่ได้รายงานแค่การเมือง หากยังชี้ว่าเครือข่ายอำนาจทำให้เกิดการผูกขาดทางเศรษฐกิจ เช่นรายงานของนิคเคอิเอเชียนรีวิว อ่านแล้วใครจะอยากมาแข่ง
อำนาจที่ควบคุมประเทศ จัดการกับคนที่เรียกร้องความเปลี่ยนแปลง อย่างไม่แยแสอนาคต เพียงเชื่อว่าในสิบปีนี้ ด้วยกำลังตำรวจทหารรัฐราชการ สามารถกดความเปลี่ยนแปลงไว้ได้ ประยุทธ์และ ส.ว.ทั้งหลาย ก็เช่นกัน อีกสิบปีเป็นอย่างไร ช่างหัวมัน
วิธีคิดเป็นอย่างนี้ จะหวังปรับโครงสร้างเพื่ออนาคตได้อย่างไร ประยุทธ์ก็แค่หวังคุมอำนาจต่อไป นักการเมืองก็หวังโกยผลประโยชน์ให้มากที่สุดเพื่อชิงเก้าอี้ ส.ส.มาสร้างอำนาจต่อรอง